ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ในจีนปี 2567 ทำลายสถิติ 657,000 คันสุงสุดในรอบ 9 ปี

ในปี 2567 บริษัท เทสลา ไชน่า (Tesla China) รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในตลาดจีนที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยสามารถทำยอดขายได้ถึง 657,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นยอดขายสูงสุดในตลาดจีนตั้งแต่เทสลาเริ่มดำเนินการในประเทศนี้ โดยยอดขายในเดือนธันวาคม 2567 สูงถึง 83,000 คัน ทำลายสถิติยอดขายรายเดือน เพิ่มขึ้นถึง 12.8% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการขยายตัวในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่มีการแข่งขันสูง

อย่างไรก็ตาม เทสลายังรายงานว่าในภาพรวมยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2567 อยู่ที่ 1.79 ล้านคัน ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมียอดส่งมอบ 1.83 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 9 ปี แม้ว่าในปีนี้เทสลาจะสามารถผลิตรถยนต์ได้มากถึง 1.77 ล้านคันทั่วโลกก็ตาม การลดลงในยอดส่งมอบอาจมีหลายปัจจัย เช่น ปัญหาห่วงโซ่อุปทานหรือการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์อื่น ๆ ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก

แม้จะมีการลดลงในยอดส่งมอบทั่วโลก แต่ในจีนเทสลายังคงมีการเติบโตที่ดีในส่วนของยอดขาย โดยที่จีนยังคงเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดสำหรับเทสลาในเอเชีย การเติบโตนี้มาจากการที่เทสลามีความเชี่ยวชาญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูงและราคาที่เหมาะสม ทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีความสนใจในเทคโนโลยีสะอาดและยั่งยืน

นอกจากนี้ เทสลาได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV โดยในปี 2567 บริษัทได้ติดตั้งสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์ (Supercharger) เพิ่มมากกว่า 11,500 แห่งทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้น 19% จากปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันมีสถานีชาร์จรวมกันมากกว่า 67,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้กับผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าหรือในเมืองที่การใช้พลังงานสะอาดเริ่มเป็นที่นิยม

นอกจากนี้ เทสลายังมีแผนเปิดตัวสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รุ่นใหม่ V4 (V4 Supercharger) ในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งสถานีรุ่นนี้จะมีความเร็วในการชาร์จที่สูงขึ้นและสามารถรองรับรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ได้มากขึ้น ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในอนาคต

ในด้านการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เทสลายังได้เริ่มทดลองการผลิตแบตเตอรี่สำหรับการเก็บพลังงานขนาดใหญ่ในโรงงานเมกะแฟกทอรี (Megafactory) ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งโรงงานนี้จะมุ่งเน้นการผลิต "เมกะแพก" (Megapack) ที่ใช้สำหรับเก็บพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และลม การผลิตเมกะแพกนี้มีความสำคัญสำหรับการเพิ่มความสามารถในการจัดเก็บพลังงานที่ผลิตจากแหล่งพลังงานสะอาด โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการเก็บพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตไฟฟ้าได้ไม่สม่ำเสมอ

คาดว่าโรงงานเมกะแฟกทอรีในเซี่ยงไฮ้จะเริ่มการผลิตเต็มกำลังได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจพลังงานสะอาดและรองรับการเติบโตของการใช้พลังงานสะอาดทั้งในประเทศจีนและทั่วโลกในอนาคต

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการผลิตที่มุ่งเน้นไปที่พลังงานสะอาดนี้ทำให้เทสลายังคงเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงในวงการยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว