วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 – จากสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเริ่มปะทุรุนแรงตั้งแต่ช่วงเช้า หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธหนักโจมตีฐานปฏิบัติการของทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ล่าสุด การยิงสนับสนุนจากฝั่งกัมพูชาขยายวงกว้าง เข้าถึงพื้นที่พลเรือนของไทยในหลายจังหวัด ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ขณะที่กองทัพบกไทยออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรง พร้อมยืนยันดำเนินมาตรการตอบโต้ทุกวิถีทางเพื่อปกป้องประชาชนและอธิปไตยของชาติ

จากรายงานของหน่วยงานในพื้นที่ ระบุว่าการปะทะดังกล่าวได้ลุกลามไปสู่การยิงปืนใหญ่และอาวุธหนักเข้าสู่เขตที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยมีพื้นที่ได้รับผลกระทบกระจายอยู่ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ โดยมีรายละเอียดของความเสียหายและความสูญเสีย ดังนี้:

  • ศรีสะเกษ: พื้นที่ใกล้ปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ ตำบลหนองหญ้าลาด อำเภอกันทรลักษ์ ถูกโจมตีอย่างหนัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 6 ราย และบาดเจ็บอีก 10 ราย

  • สุรินทร์:

    • ที่บ้านโจรก ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายอายุเพียง 8 ปี และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

    • บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก บ้านเรือนได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด

    • บ้านของนายบุญล่วม ทองวิเศษ หมู่ 9 ตำบลโดมประดิษฐ์ ถูกกระสุนลูกหลงจนได้รับความเสียหายเช่นกัน

  • อุบลราชธานี: บ้านกุดเชียงมุน, บ้านจันลา และบ้านโพนทอง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย

  • บุรีรัมย์:

    • พื้นที่บ้านขี้เหล็ก ตำบลบ้านกรวด อำเภอบ้านกรวด ได้รับผลกระทบต่อสิ่งปลูกสร้างและสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน

    • หมู่บ้านใกล้เคียง หมู่ 16 ตำบลเดียวกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย

สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ โดยหลายครอบครัวได้อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้นโดยฝ่ายปกครองท้องถิ่น ขณะที่โรงพยาบาลสนามหลายแห่งได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับผู้บาดเจ็บจากเหตุโจมตี

ในเวลาต่อมา กองทัพบกไทยออกแถลงการณ์ยืนยันว่า “ฝ่ายกัมพูชาได้กระทำการที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมและไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ด้วยการมุ่งเป้าโจมตีใส่ประชาชนและสิ่งปลูกสร้างของพลเรือนโดยตรง ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ในทุกกรณี”

แถลงการณ์ยังระบุเพิ่มเติมว่า กองทัพบกพร้อมดำเนินมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสมตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และจะใช้ทุกทรัพยากรที่มีเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมกับย้ำว่า “ประชาชนไทยคือเส้นแดงที่ไม่อาจละเมิดได้”

ขณะนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีการเสริมกำลังทหารเข้าสู่พื้นที่แนวชายแดนเพื่อคุมเข้มสถานการณ์และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปสู่ความรุนแรงในระดับที่ยากจะควบคุม นอกจากนี้ ยังมีการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเตรียมยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านช่องทางทูต

สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในเวลานี้ ยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียดขั้นสูง โดยมีเสียงปืนใหญ่และการเคลื่อนไหวของกำลังทหารปรากฏเป็นระยะๆ ทั้งสองฝ่ายยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะยุติความขัดแย้งในระยะเวลาอันใกล้ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างหวาดวิตกและเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อยุติภัยคุกคามจากนอกประเทศ