เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศของไทยออกแถลงการณ์ว่า กองทัพกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีฐานทัพทหารไทยด้วย "ปืนใหญ่หนัก" พร้อมกับยิงถล่มพื้นที่พลเรือน รวมถึงโรงพยาบาลในจังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย

แถลงการณ์ระบุว่า "รัฐบาลไทยพร้อมยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังคงกระทำการละเมิดอธิปไตยและใช้กำลังทางทหารต่อเนื่อง"

ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนต้องหนีตายอย่างอลหม่าน เด็กและผู้สูงอายุหลบภัยอยู่ในที่หลบระเบิดที่สร้างจากคอนกรีต ถุงทราย และยางรถยนต์ โดยมีเสียงปืนกลและระเบิดดังเป็นระยะ

หญิงรายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (TPBS) ว่า “ยิงกันไปกี่นัดแล้วไม่รู้เลย นับไม่ถ้วน…เราต้องหลบอยู่ในนี้ตลอด”

ด้านกัมพูชา ออกแถลงการณ์ตอบโต้ โดยกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีทางอากาศโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมเรียกร้องให้ไทยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ขัดแย้ง และหยุดการกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น

ความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีความยาวกว่า 817 กิโลเมตร ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังมากว่าร้อยปี โดยยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน ส่งผลให้เกิดการปะทะกันเป็นระยะ ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ราย โดยเฉพาะเหตุปะทะใหญ่ในปี 2554 ที่เกิดการยิงปืนใหญ่ตลอดหนึ่งสัปดาห์

ความตึงเครียดล่าสุดเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุปะทะเล็ก ๆ ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของทหารกัมพูชาหนึ่งนาย ก่อนจะลุกลามกลายเป็นวิกฤตทางการทูตอย่างเต็มรูปแบบ จนนำไปสู่เหตุการณ์ปะทะด้วยอาวุธหนักในครั้งนี้

สถานการณ์ขณะนี้ยังคงน่าห่วง และรัฐบาลไทยได้ยกระดับการเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนอย่างเต็มที่ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างภาวนาให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด