สำนักข่าว BBC รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาร์เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1,600 ราย โดยมีผู้คนในบางพื้นที่เปิดเผยกับ BBC ว่าพวกเขาต้องขุดหาผู้สูญหายจากซากปรักหักพังด้วยมือเปล่า เนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์และการติดต่อสื่อสารที่จำกัด

การค้นหาผู้รอดชีวิตถูกขัดขวางจากถนนและสะพานที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง รวมถึงขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ชุดปฐมพยาบาล ถุงเลือด และยาชา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า การติดต่อสื่อสารระหว่างทีมกู้ภัยทำได้ยากลำบาก เพราะสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตไม่สามารถใช้งานได้

ในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากแผ่นดินไหว ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง โดยมีการยืนยันว่าอาคารหลายหลังพังทลาย รวมถึงอาคารสูง 12 ชั้นที่มีผู้ติดอยู่มากกว่า 90 คน แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยผู้หญิงคนหนึ่งออกจากซากอาคารได้หลังจากที่เธอติดอยู่กว่า 30 ชั่วโมง

ในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างของเด็กอนุบาล 12 คนและครู 1 คนใต้ซากอาคารโรงเรียนอนุบาล ซึ่งสร้างความเศร้าโศกให้กับชุมชน

การขาดแคลนแหล่งพลังงานก็เป็นปัญหาหลักที่ทำให้การดำเนินการฟื้นฟูล่าช้า โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า การฟื้นฟูระบบไฟฟ้าอาจใช้เวลาหลายวัน ในขณะที่สนามบินมัณฑะเลย์ก็ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว ทำให้การขนส่งและการขนย้ายอุปกรณ์ช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก

ในจังหวัดซาเกิง สะพานที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ได้พังลงทำให้การเดินทางเข้าออกเป็นไปไม่ได้ และพื้นที่หลายแห่งยังคงได้รับผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อกที่ตามมา

ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมาร์ได้ขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ แต่ก็ยังคงมีการโจมตีทางอากาศและการใช้โดรนโจมตีกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มกองกำลังที่ต่อสู้กับรัฐบาลในช่วงสงครามกลางเมือง ซึ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลง

สหประชาชาติได้เรียกร้องให้รัฐบาลทหารยุติการโจมตีทางอากาศและปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เพื่อช่วยให้การฟื้นฟูและการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น