Shark กระบะปลั๊กอินไฮบริดจาก BYD ความท้าทายใหม่ในตลาดกระบะทั่วโลก
วันที่โพสต์: 28 มกราคม 2568 18:23:22 การดู 2 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
Shark คือกระบะปลั๊กอินไฮบริดขนาดกลางจาก BYD ที่ถูกออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยมีแบตเตอรี่ที่ช่วยให้สามารถขับขี่ได้ระยะทางไกล โดยรวมแล้วสามารถเดินทางได้มากกว่า 800 กิโลเมตร (รวมระยะทางจากการเติมน้ำมันและการชาร์จไฟเต็ม) ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ซึ่งถือเป็นความพิเศษที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

นอกจากการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพแล้ว Shark ยังมาในราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งเริ่มต้นที่ราว 44,000 ดอลลาร์ในเม็กซิโก ซึ่งถือว่าถูกกว่ากระบะไฮบริดและกระบะไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ในตลาดอเมริกา แต่มีราคาใกล้เคียงกับกระบะขนาดกลางจากฟอร์ด เช่น Ford Ranger และ Toyota Tacoma ในบางตลาด ซึ่งหมายความว่า Shark มีความสามารถในการดึงดูดผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศที่มีความต้องการรถที่มีประสิทธิภาพ แต่ไม่อยากจ่ายเงินมากเกินไป
การเปิดตัว Shark จาก BYD ได้สร้างกระแสความท้าทายให้กับผู้ผลิตกระบะชั้นนำในตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็น จีเอ็ม, ฟอร์ด, หรือ โตโยต้า โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดกระบะที่มีการแข่งขันสูงและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มหาศาล โดย ฟอร์ด และ โตโยต้า ต่างพึ่งพาการขายกระบะเป็นรายได้หลัก

ฟอร์ด โดยเฉพาะ F-150 ยังคงครองตลาดกระบะในสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายปี แต่ Shark ของ BYD มาพร้อมกับข้อได้เปรียบด้านราคาที่แข่งขันได้ ซึ่งทำให้ ฟอร์ด ต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการแข่งขันจากผู้ผลิตรถยนต์จีนที่กำลังขยายตลาดอย่างรวดเร็ว โดย จิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอของฟอร์ดเคยกล่าวว่า หากฟอร์ดต้องการครองตลาดกระบะทั่วโลกต่อไป พวกเขาต้องรับมือกับ Shark รุ่นนี้ให้ได้
ทางด้าน โตโยต้า ที่มี Hilux ซึ่งเป็นกระบะที่ขายดีที่สุดนอกอเมริกา ก็ต้องระวังการขยายตัวของ BYD ด้วย โดย Hilux ของโตโยต้ามียอดขายสูงสุดถึง 851,000 คันในปี 2022 และยังคงเป็นหนึ่งในรถกระบะที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศทั่วโลก

BYD ได้เริ่มส่งออก Shark ไปยังหลายประเทศ โดยในปีที่ผ่านมาได้ส่งออกไปมากกว่า 10,000 คัน และคาดว่าจะเพิ่มยอดส่งออกในปีนี้ตามแผนการขยายการผลิตที่กำลังดำเนินการอยู่ ข้อมูลจาก BofA Securities ระบุว่า BYD มียอดส่งออกรถยนต์จากจีนเพิ่มขึ้นจาก 2% ในปี 2022 เป็น 8% ในปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของบริษัทในตลาดต่างประเทศอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การเปิดตัว Shark ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ BYD ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่มีศักยภาพในการแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่จากทั่วโลก ซึ่งการเปิดตัว Shark คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในตลาดโลกในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงระหว่างปี 2022-2030 ที่คาดว่ายอดขายของ BYD จะเพิ่มขึ้น 31% ตามการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs

ด้วยราคาและเทคโนโลยีที่ Shark มาพร้อม ไม่เพียงแต่จะท้าทายผู้ผลิตกระบะรายใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้กับตลาดยานยนต์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มรถที่มีการผสมผสานระหว่างพลังงานไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญในการแข่งขันในตลาดรถกระบะทั่วโลกในอนาคต