วันที่ 22 กรกฎาคม 2568  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงแนวทางการเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบจาก “พายุวิภา” ที่จะพัดปกคลุมประเทศไทยในช่วงวันที่ 22-24 กรกฎาคมนี้ โดยอิทธิพลของพายุลูกนี้จะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่เสี่ยงภัยกว่า 49 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม

กระทรวงสาธารณสุขจึงมีข้อสั่งการเร่งด่วนไปยังสำนักงานเขตสุขภาพ, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด, กรมควบคุมโรค, กรมอนามัย, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, องค์การเภสัชกรรม และหน่วยงานภายใต้กระทรวง รวม 8 มาตรการสำคัญ ดังนี้:

  1. ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
    ประเมินแนวโน้มภัยพิบัติในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงที่เคยประสบอุทกภัย เพื่อให้สามารถวางแผนการรับมือและให้บริการทางการแพทย์ได้อย่างต่อเนื่อง

  2. เตรียมแผนให้บริการนอกสถานพยาบาล
    โดยเฉพาะในพื้นที่โรงพยาบาลเสี่ยงน้ำท่วม ต้องมีแผนอพยพผู้ป่วย ส่งต่อกรณีฉุกเฉิน และประสานหน่วยงานเพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศยานหากจำเป็น พร้อมดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษ

  3. ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินต้องรายงานสถานะตลอดเวลา
    ทั้งการเปิดหรือปิดศูนย์ฯ ผ่านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อการประสานงานที่รวดเร็ว

  4. เฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำท่วม
    เช่น โรคทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อที่แพร่ผ่านน้ำหรือยุง โรคระบบทางเดินหายใจ และอันตรายจากไฟฟ้ารั่วหรือจมน้ำ รวมถึงควบคุมสุขอนามัยในศูนย์พักพิง

  5. ดูแลบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับผลกระทบ
    โดยจัดหาที่พักชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัยให้บุคลากรที่ไม่สามารถกลับบ้านได้หรือประสบปัญหาอุทกภัย

  6. เตรียมอุปกรณ์ป้องกันและยาให้พร้อมใช้งาน
    เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องกระจายสู่พื้นที่เสี่ยงให้ทันท่วงที

  7. ประเมินความเสียหายและเร่งฟื้นฟูสถานบริการสุขภาพ
    ทั้งด้านกายภาพ ความปลอดภัยของอาคาร ตลอดจนสุขภาพกาย-ใจของเจ้าหน้าที่และประชาชน

  8. สื่อสารความเสี่ยงอย่างทั่วถึงและทันเหตุการณ์
    ประชาสัมพันธ์วิธีการป้องกันโรคและภัยสุขภาพผ่านช่องทางต่างๆ พร้อมเฝ้าระวังและตอบโต้ข่าวปลอมที่อาจสร้างความตื่นตระหนก

ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำว่า “ชีวิตประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ต้องมาก่อน” การเตรียมความพร้อมในทุกระดับจึงเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด เพื่อให้สามารถรับมือกับผลกระทบจากพายุครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพเพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว