วันที่ 26 มกราคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 มกราคม 2568) เวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดตัวโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยจะกดปุ่มโอนเงินจำนวน 10,000 บาท ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนผ่านระบบของรัฐกว่า 3 ล้านคน

การโอนเงินในเฟส 2 ครั้งนี้จะมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายท่านเข้าร่วมพิธี โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมงาน

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะใช้ระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) เพื่อพูดคุยกับผู้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาท โดยจะรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากตัวแทนประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับนโยบายที่รัฐบาลดำเนินการ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

โฆษกรัฐบาลกล่าวเพิ่มเติมว่า "ในวันพรุ่งนี้ รัฐบาลจะดำเนินการโอนเงิน 10,000 บาทให้แก่ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ของรัฐ หากมีปัญหาในการโอนเงิน เช่น หากยังไม่ได้รับเงินในรอบแรก กระทรวงการคลังจะดำเนินการโอนซ้ำในอีก 3 ครั้ง โดยหากพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว ผู้ที่ยังไม่ได้รับเงินจะถือว่าไม่ประสงค์รับเงินจากโครงการดังกล่าว"

สำหรับกลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนและไม่สามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ ได้ โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า รัฐบาลกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อหาวิธีการในการให้กลุ่มนี้เข้าถึงการรับเงิน โดยจะกำหนดทิศทางและวิธีการต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรวบรวมข้อมูลที่เหลือเพื่อประมวลผลและหาวิธีการที่เหมาะสมในการจัดสรรเงินให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นแต่ไม่สามารถลงทะเบียนได้ตามช่องทางปกติ

รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน แม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย