เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ “โอกาสไทย กับ นายกแพทองธาร” ถึงความคืบหน้าโครงการ “เติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3” ซึ่งถูกเลื่อนออกไปว่า โครงการดังกล่าว ยังไม่ยกเลิก แต่จำเป็นต้อง “ชะลอ” ออกไปชั่วคราว เพื่อพิจารณาแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน

“ตามที่มีคนถามว่าจะยกเลิกหรือไม่ เราจะบอกว่า ยกเลิกไม่ได้ เพราะหากเศรษฐกิจดีขึ้น เราจะทำต่อ” นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำ

 โยกงบ 1.57 แสนล้าน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ

สำหรับงบประมาณจำนวน 157,000 ล้านบาท ที่เดิมจัดเตรียมไว้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 นั้น น.ส.แพทองธาร เปิดเผยว่า รัฐบาลมีแผนนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดผลกระทบในเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในวงกว้าง โดยมุ่งเน้นใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่:

  • การบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง

  • การคมนาคมและการสร้างถนน เพื่อยกระดับโครงข่ายเชื่อมต่อทั่วประเทศ

  • การส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหัวใจหลัก

  • การติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งในเมืองหลักและแหล่งท่องเที่ยวรอง

นายกรัฐมนตรีชี้ว่า การโยกงบมาใช้ในด้านโครงสร้างพื้นฐานนั้น แม้จะเป็นเรื่องที่อยู่ในแผนระยะกลางและระยะยาวอยู่แล้ว แต่เมื่อมีงบในมือ การดำเนินการสามารถเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น ทำให้ประชาชนเห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมเร็วขึ้น พร้อมระบุว่า สิ่งเหล่านี้เป็น “สิ่งที่จำเป็นต้องทำ” ไม่ว่าจะมีงบจากโครงการวอลเล็ตหรือไม่

“เรื่องพื้นฐานเหล่านี้ หากไม่มีงบก้อนนี้ก็ต้องทำอยู่ดี แต่เมื่องบนี้มีอยู่ ก็ช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้น สร้างการจ้างงาน และกระจายประโยชน์ในวงกว้าง” น.ส.แพทองธารกล่าว

 งบปี 2569 พร้อมรับสถานการณ์โลก – เดินหน้าอัดฉีดเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวถึง ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ว่า รัฐบาลได้เตรียมแผนงบประมาณที่มีความ ยืดหยุ่น และ พร้อมรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้า ที่อาจเกิดขึ้นได้ในสภาพเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและซับซ้อนมากขึ้น

โดยรัฐบาลมีเป้าหมายเร่ง การลงทุนภาครัฐ เพื่ออัดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ สร้างโอกาสการจ้างงาน และกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้มีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ ของรัฐในลักษณะบูรณาการ

“สถานการณ์โลกตอนนี้ยากจริง ๆ ยากในทุกประเทศ เราจึงต้องทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ ทั้งภาครัฐและเอกชน” นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย