วันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่กระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 22 เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ โดยมีกรรมการไตรภาคีจากฝ่ายรัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง รวม 15 คนเข้าร่วมประชุมครบองค์ ใช้เวลาหารือกว่า 5 ชั่วโมง

มติการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ

บอร์ดค่าจ้างมีมติเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น 17 ระดับ โดยแบ่งพื้นที่และอัตราการปรับดังนี้:

1. อัตราค่าจ้างสูงสุด 400 บาท/วัน

  • ภูเก็ต
  • ฉะเชิงเทรา
  • ชลบุรี
  • ระยอง
  • อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    (พื้นที่เหล่านี้มีค่าครองชีพสูงและเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือพื้นที่ส่งเสริมการลงทุน EEC)

2. อัตราค่าจ้าง 380 บาท/วัน

  • อำเภอเมืองเชียงใหม่
  • อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

3. อัตราค่าจ้าง 372 บาท/วัน

  • กรุงเทพมหานคร
  • ปริมณฑล 6 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร

4. 67 จังหวัดที่เหลือ

  • ปรับขึ้นร้อยละ 2.0 ตามค่าครองชีพในพื้นที่นั้น
    (เช่น นครราชสีมา 359 บาท/วัน, สมุทรสงคราม 358 บาท/วัน และอัตราต่ำสุด 337 บาท/วันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา)

ผลกระทบและความสำคัญ

การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้คาดว่าจะช่วยแรงงานกว่า 3.7 ล้านคนทั่วประเทศ ให้มีรายได้ที่เพียงพอกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยยึดหลักการพิจารณาจาก:

  • ความจำเป็นด้านการครองชีพ
  • ความสามารถของนายจ้างในการจ่าย
  • สภาพเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่

ขั้นตอนต่อไป

ปลัดกระทรวงแรงงานระบุว่า บอร์ดค่าจ้างจะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งนับเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ

การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานและการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในแต่ละพื้นที่