แกงไตปลาเป็นเมนูอาหารใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยรสชาติที่เข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องแกงและสมุนไพร รวมถึงรสชาติจัดจ้านจากพริกและความเค็มนัวจากไตปลา โดยแกงไตปลามีวัตถุดิบหลักอย่างน้ำไตปลา ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำจากการหมักเครื่องในปลาด้วยเกลือ จึงทำให้แกงชนิดนี้มีรสชาติอร่อยและหอมมัน เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้ในครัวภาคใต้

ส่วนผสม

  1. น้ำไตปลา 1/2 ถ้วย
  2. เนื้อปลาย่างหรือปลาทู 2 ตัว (แกะเนื้อ)
  3. มะเขือพวง 100 กรัม
  4. หน่อไม้ 100 กรัม (หั่นเป็นเส้น)
  5. ฟักทอง 100 กรัม (หั่นชิ้นพอดีคำ)
  6. ถั่วฝักยาว 100 กรัม (หั่นท่อน)
  7. มะเขือเปราะ 100 กรัม (ผ่าสี่ส่วน)
  8. ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
  9. ตะไคร้ 2 ต้น (ทุบพอแตก)
  10. พริกแกงใต้ 2 ช้อนโต๊ะ
  11. น้ำเปล่า 4 ถ้วย
  12. น้ำปลา (ตามชอบ)
  13. พริกขี้หนูสด (สำหรับเพิ่มความเผ็ด)

วิธีทำ

  1. เตรียมเครื่องแกง: ตั้งหม้อบนไฟกลาง ใส่น้ำเปล่าลงไป จากนั้นเติมน้ำไตปลาลงในหม้อและใส่พริกแกงใต้ ต้มให้เดือดจนมีกลิ่นหอม ระหว่างต้มให้ใส่ตะไคร้และใบมะกรูดฉีกลงไปเพื่อเพิ่มความหอม
  2. ใส่เนื้อปลาและผัก: ใส่เนื้อปลาย่างหรือปลาทูที่แกะไว้ลงในหม้อ คนให้ปลาผสมกับน้ำแกง จากนั้นใส่ผักต่าง ๆ ลงไป เช่น มะเขือพวง ฟักทอง หน่อไม้ ถั่วฝักยาว และมะเขือเปราะ
  3. ปรุงรส: ต้มต่อไปจนผักสุกนุ่มและน้ำแกงเข้ากัน ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำปลา หากต้องการความเผ็ดมากขึ้น สามารถใส่พริกขี้หนูสดลงไปได้ตามความชอบ
  4. เสิร์ฟ: เมื่อทุกอย่างสุกเข้ากันดีแล้ว ปิดไฟ ตักแกงไตปลาใส่ชาม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หรือจะทานคู่กับผักสดอย่างแตงกวา ถั่วฝักยาว หรือสะตอก็เข้ากันได้ดี

เคล็ดลับ

  • การเลือกน้ำไตปลาที่ดีจะช่วยเพิ่มความหอมและรสชาตินัวของแกง ดังนั้นควรเลือกน้ำไตปลาจากแหล่งที่เชื่อถือได้
  • ถ้าไม่ชอบความเค็มมากเกินไป สามารถลดปริมาณน้ำไตปลาลงและเพิ่มน้ำปลาตามชอบแทนได้
  • ใบมะกรูดและตะไคร้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้แกงมีกลิ่นหอมสมุนไพร ควรใส่ลงไปตั้งแต่ต้นเพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม