Apple ได้เปิดตัว iPad รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในส่วนของชิปประมวลผลที่อัปเกรดจาก ชิป A14 Bionic มาเป็น ชิป A16 Bionic ซึ่งให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และ เร็วขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้ชิป A13 Bionic ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกัน หรือการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูงอย่างการตัดต่อวิดีโอ หรือเล่นเกมที่มีกราฟิกหนัก

อีกหนึ่งการอัปเกรดที่น่าสนใจคือ ความจุเริ่มต้น ที่เพิ่มขึ้นจาก 64GB เป็น 128GB ซึ่งหมายความว่า iPad รุ่นนี้มีพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น รองรับการใช้งานที่หลากหลาย และช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกไฟล์, แอปพลิเคชัน หรือภาพถ่ายได้มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่เต็มอย่างรวดเร็ว

แม้จะมีการอัปเกรดประสิทธิภาพ แต่ iPad รุ่นใหม่ยังคงรักษา แบตเตอรี่ ที่ใช้งานได้ยาวนาน โดยสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 10 ชั่วโมง เมื่อเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และ 9 ชั่วโมง หากใช้งานร่วมกับการเชื่อมต่อ Wi-Fi + Cellular ซึ่งทำให้สามารถใช้ iPad ได้ยาวนานตลอดวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อยๆ

ดีไซน์และหน้าจอที่ยังคงเอกลักษณ์

ในด้านของการออกแบบ iPad รุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ดีไซน์ที่คุ้นเคยจากรุ่นก่อนหน้า โดยยังคงขนาดที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบา แต่มีการปรับขนาดหน้าจอเล็กน้อยจาก 10.9 นิ้ว มาเป็น 11 นิ้ว โดยใช้หน้าจอ Retina Display ที่ให้ความคมชัดและสีสันสดใส พร้อมความละเอียดสูง 2360 x 1640 พิกเซล ทำให้การใช้งานดูสบายตาและสามารถใช้งานในการดูหนัง, เล่นเกม, หรือทำงานกราฟิกได้อย่างเพลิดเพลิน

ความสว่าง ที่สูงถึง 500 nits ทำให้สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า และยังรองรับการใช้งานกับ Apple Pencil รุ่นที่ 1 ผ่าน USB-C อีกด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ iPad ในการวาดภาพ หรือจดบันทึก

ตัวเลือกสี ที่มีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีฟ้า, สีชมพู, สีเหลือง และ สีเงิน ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกสีที่ตรงกับสไตล์ของตัวเองได้

สเปคเด่น iPad ชิป A16

  • หน้าจอ Retina Display ขนาด 11 นิ้ว
  • ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล
  • รองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ผ่าน USB-C
  • ความสว่าง 500 nits
  • ชิป A16 (CPU 5 แกน, GPU 6 แกน)
  • ความจุ: 128GB, 256GB, 512GB
  • กล้องหลัง 12MP f/1.8 พร้อมคุณสมบัติการถ่ายภาพที่ดีขึ้น
  • กล้องหน้า 12MP f/2.4 สำหรับการถ่ายเซลฟี่และการประชุมผ่านวิดีโอที่คมชัด
  • การเชื่อมต่อ: รองรับ 5G, Wi-Fi 6, และ Bluetooth 5.3 ให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียร
  • รองรับ 5G Standby สามารถใช้งานได้สูงสุด 2 ซิมการ์ดผ่าน eSIM
  • เซ็นเซอร์ Touch ID สำหรับการปลดล็อกเครื่องและการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย
  • ลำโพงสเตอรีโอ เสียงคุณภาพสูงในการฟังเพลงหรือดูหนัง
  • แบตเตอรี่: ใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมง (Wi-Fi) และ 9 ชั่วโมง (Wi-Fi + Cellular)
  • USB-C 2.0 (Display Port) รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก
  • ขนาด: 248.6 x 179.5 x 7 มม.
  • น้ำหนัก: 477 กรัม (Wi-Fi) และ 481 กรัม (Wi-Fi + Cellular)

ราคาและการจำหน่าย

iPad ชิป A16 รุ่นใหม่มาพร้อมกับหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ โดยราคาเริ่มต้นที่ 12,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi ความจุ 128GB และ 18,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ความจุ 128GB โดยรุ่นที่มีความจุสูงสุด 512GB จะมีราคาสูงสุดที่ 29,900 บาท

  • iPad รุ่น Wi-Fi:
    • 128GB – ราคา 12,900 บาท
    • 256GB – ราคา 16,900 บาท
    • 512GB – ราคา 23,900 บาท
  • iPad รุ่น Wi-Fi + Cellular:
    • 128GB – ราคา 18,900 บาท
    • 256GB – ราคา 22,900 บาท
    • 512GB – ราคา 29,900 บาท

สำหรับวันวางจำหน่ายในประเทศไทยนั้นต้องรอการอัปเดตจาก Apple อีกครั้ง โดยสามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Apple ที่นี่.

iPad รุ่นใหม่พร้อมฟีเจอร์ครบครัน

การเปิดตัว iPad ชิป A16 นี้ยังคงทำให้ตลาดแท็บเล็ตของ Apple คงความนิยมต่อไป โดยยังคงเสน่ห์ของการใช้งานที่ทันสมัยและประสิทธิภาพที่เหนือชั้น พร้อมกับราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ สำหรับผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำงานและบันเทิงได้อย่างเต็มที่ iPad รุ่นนี้คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ