DeepSeek AI จากจีน ทะยานสู่เวทีโลก ท้าทายอุตสาหกรรม AI สหรัฐฯ
วันที่โพสต์: 25 กุมภาพันธ์ 2568 16:29:07 การดู 1 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
DeepSeek แล็บปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากจีน กลายเป็นที่จับตามองในระดับโลก หลังจากแอปแชทบอทของบริษัททะยานขึ้นสู่อันดับหนึ่งของ Apple App Store และ Google Play ในสัปดาห์นี้ ความสำเร็จดังกล่าวนำไปสู่คำถามในหมู่นักวิเคราะห์และนักเทคโนโลยีเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรม AI ในสหรัฐฯ และความต้องการชิป AI ในตลาดโลก
DeepSeek ได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer Capital Management ซึ่งเป็นกองทุนป้องกันความเสี่ยงของจีนที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุน
Liang Wenfeng ผู้ก่อตั้ง High-Flyer มีความหลงใหลใน AI และเริ่มต้นธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ในปี 2019 เพื่อลงทุนด้านอัลกอริธึม AI ต่อมาในปี 2023 High-Flyer ได้จัดตั้ง DeepSeek เป็นแล็บ AI แยกออกจากธุรกิจการเงิน และในที่สุดก็แยกตัวออกมาเป็นบริษัทอิสระ
แม้ DeepSeek จะสร้างศูนย์ข้อมูลของตนเองเพื่อฝึกโมเดล AI แต่ก็ยังเผชิญปัญหาการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อการนำเข้าฮาร์ดแวร์ บริษัทจึงต้องใช้ชิป Nvidia H800 ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปกของ H100 ที่มีจำหน่ายในสหรัฐฯ แทน
DeepSeek เปิดตัวชุดโมเดล AI ชุดแรกในเดือนพฤศจิกายน 2023 ได้แก่ DeepSeek Coder, DeepSeek LLM และ DeepSeek Chat แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทเริ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2024 เมื่อเปิดตัว DeepSeek-V2 ซึ่งมีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อความและภาพได้อย่างแม่นยำ และยังมีต้นทุนการดำเนินงานต่ำกว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง ByteDance และ Alibaba ส่งผลให้บริษัทเหล่านั้นต้องลดราคาค่าบริการ AI ลง
ต่อมาในเดือนธันวาคม 2024 DeepSeek-V3 ได้รับการเปิดตัว และได้รับการยอมรับว่าเหนือกว่าโมเดลเปิดอย่าง Llama ของ Meta และโมเดลเชิงพาณิชย์อย่าง GPT-4o ของ OpenAI
DeepSeek ยังเปิดตัว R1 ซึ่งเป็นโมเดล AI เชิงเหตุผล (reasoning model) ที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงของตนเองได้ ลดข้อผิดพลาดในการให้ข้อมูล โดยเฉพาะในสาขาฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก DeepSeek เป็น AI ที่พัฒนาในจีน จึงต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศ เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลที่ให้สอดคล้องกับค่านิยมสังคมนิยมหลัก ตัวอย่างเช่น แชทบอทของ DeepSeek จะไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน หรือประเด็นเอกราชของไต้หวัน
DeepSeek มีแนวทางที่แตกต่างจากบริษัท AI รายอื่น โดยตั้งราคาบริการต่ำกว่าตลาดและให้บริการบางส่วนฟรี ส่งผลให้เกิดข้อกังขาว่าบริษัทสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างไร แม้ DeepSeek จะอ้างว่าประสิทธิภาพของเทคโนโลยีช่วยลดต้นทุน แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนยังคงสงสัยเกี่ยวกับตัวเลขต้นทุนที่บริษัทเปิดเผย
โมเดลของ DeepSeek ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักพัฒนา บนแพลตฟอร์ม Hugging Face มีโมเดลที่พัฒนาต่อยอดจาก R1 มากกว่า 500 รายการ และถูกดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 2.5 ล้านครั้ง
ความสำเร็จของ DeepSeek ส่งผลให้หุ้น Nvidia ร่วงลง 18% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา และกระตุ้นให้ CEO ของ OpenAI อย่าง Sam Altman ออกมาแสดงความคิดเห็น ในขณะที่ Microsoft ประกาศว่า DeepSeek พร้อมให้บริการบนแพลตฟอร์ม Azure AI Foundry
อย่างไรก็ตาม บางประเทศเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับ DeepSeek รัฐบาลเกาหลีใต้และรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามใช้ DeepSeek บนอุปกรณ์ของรัฐบาล
อนาคตของ DeepSeek ยังไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่ชัดคือการแข่งขันในวงการ AI จะร้อนแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่สหรัฐฯ อาจเข้มงวดกับอิทธิพลของเทคโนโลยีจากต่างประเทศมากขึ้น
ที่มา : techcrunch
แท็ก: AI DeepSeek DeepSeek AI