รัฐบาลเปิดโอกาสให้ลูกจ้างกลุ่มใหม่เข้าถึงประกันสังคมมาตรา 33 หลังจากที่ได้ขยายการคุ้มครองให้กับกลุ่มอาชีพที่ไม่เคยอยู่ในระบบประกันสังคมมาก่อน โดยการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในวันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2568) เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของการขยายความคุ้มครองตามพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการหรือลูกจ้างอื่นที่ไม่อยู่ในบังคับตามกฎหมายประกันสังคม พ.ศ. 2560 โดยมี 3 กลุ่มอาชีพที่ได้รับสิทธิ์การคุ้มครองในครั้งนี้

ทั้งนี้ ลูกจ้างใน 3 กลุ่มอาชีพที่ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 33 จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิการรักษาพยาบาล เมื่อเกิดการเจ็บป่วย สิทธิการชดเชยกรณีต่างๆ เช่น เงินค่าคลอดบุตร เงินสงเคราะห์บุตร เงินบำนาญชราภาพ และเงินกรณีทุพพลภาพ รวมทั้งการมีหลักประกันในกรณีเสียชีวิต ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตของลูกจ้างมากยิ่งขึ้น

กลุ่มอาชีพที่ได้รับสิทธิ์การคุ้มครองครั้งนี้ประกอบไปด้วย:

  1. กลุ่มลูกจ้างในกิจการเพาะปลูก ประมง ป่าไม้ และเลี้ยงสัตว์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีสิทธิ์ในการเข้าร่วมระบบประกันสังคม แต่ในครั้งนี้สามารถเข้าร่วมและได้รับความคุ้มครองด้านสุขภาพและสิทธิประโยชน์อื่นๆ

  2. กลุ่มลูกจ้างในครัวเรือน เช่น แม่บ้าน ผู้ประกอบอาหาร คนรับใช้ส่วนตัว คนซักรีด คนสวน คนขับรถ และบุคคลอื่นๆ ที่ทำงานในฐานะนายจ้างส่วนบุคคล ซึ่งในอดีตไม่ได้รับการคุ้มครองจากระบบประกันสังคม

  3. กลุ่มลูกจ้างในกิจการค้าแผงลอย ที่มีสถานที่ตั้งชัดเจน มีเลขที่แผง และมีสัญญาเช่า เช่น ผู้ค้าขายที่ตลาด ศูนย์การค้า หรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าร่วมระบบประกันสังคมได้

การขยายการคุ้มครองในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับลูกจ้างเหล่านี้ และให้สิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมตามการดำรงชีวิต เช่น เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ หรือกรณีเจ็บป่วย ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับนายจ้างที่มีลูกจ้างในกลุ่มอาชีพเหล่านี้ ก็จะได้รับประโยชน์จากการขยายความคุ้มครองด้วย เพราะจะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกจ้างในกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย รวมทั้งยังเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบในการดูแลสวัสดิการของลูกจ้างให้กับนายจ้างด้วย

การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับการมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสร้างหลักประกันทางสังคมให้กับแรงงานทุกกลุ่มอาชีพเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเพิ่มความมั่นคงให้กับระบบประกันสังคมในระยะยาว