ถ้า TikTok โดนแบนในอเมริกา ใครจะได้ประโยชน์

ช่วงนี้มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับ TikTok ที่อาจถูกแบนในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากรัฐบาลของ โจ ไบเดน ได้ออกกฎหมายบังคับให้ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทจีน ต้องขายกิจการ TikTok ให้กับบริษัทในอเมริกา มิฉะนั้น แอปนี้อาจถูก แบนทั่วประเทศ และไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

สาเหตุหลักที่ TikTok ถูกเพ่งเล็งก็คือ เรื่องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ชาวอเมริกัน ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ กังวลว่า ByteDance อาจส่งข้อมูลไปให้รัฐบาลจีน แม้ว่า TikTok จะออกมายืนยันหลายครั้งว่าไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่ความกังวลของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ และนำไปสู่กฎหมายใหม่ที่อาจส่งผลให้ TikTok ต้องตัดสินใจว่าจะขายกิจการหรือเผชิญกับการถูกแบน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้เวลาเพิ่มเติมอีก 75 วัน เพื่อให้ ByteDance ตัดสินใจว่าจะขาย TikTok ให้กับบริษัทอเมริกันหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ByteDance จะยอมขายหรือไม่ และหากขาย ใครจะเป็นผู้ซื้อ? แต่ถ้า TikTok หายไปจากตลาดสหรัฐฯ แน่นอนว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ จะได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ

หนึ่งในแพลตฟอร์มที่อาจได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ Snapchat ซึ่งเป็นแอปโซเชียลที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน แม้ว่าก่อนหน้านี้ Snapchat อาจจะไม่ได้มีอิทธิพลมากเท่ากับ TikTok ในเรื่องของวิดีโอสั้น แต่จากแนวโน้มล่าสุด ดูเหมือนว่า Snapchat กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้ใช้และครีเอเตอร์บางส่วนเริ่มมองหาแพลตฟอร์มสำรองเผื่อกรณีที่ TikTok ถูกแบน

Evan Spiegel ซีอีโอของ Snap Inc. ได้เปิดเผยว่า Snapchat มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของ TikTok แม้ว่าเขาจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่านี่เป็นผลโดยตรงจากกระแสข่าวของ TikTok แต่ก็บอกว่า Snapchat ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้อย่างแน่นอน

หนึ่งในจุดแข็งของ Snapchat ที่ทำให้มันอาจกลายเป็นตัวเลือกหลักแทน TikTok ก็คือ ฟีเจอร์ Spotlight ซึ่งเป็นฟีเจอร์วิดีโอสั้นที่มีลักษณะคล้ายกับ TikTok โดยตรง Spotlight เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์สร้างคอนเทนต์และหารายได้จาก Snapchat ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดครีเอเตอร์จำนวนมากที่อาจกำลังมองหาทางเลือกใหม่ หาก TikTok หายไป

จากรายงานของ Snap Inc. พบว่า จำนวนครีเอเตอร์ที่โพสต์เนื้อหาบน Spotlight เพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก แสดงให้เห็นว่าผู้สร้างคอนเทนต์จำนวนมากเริ่มให้ความสนใจในแพลตฟอร์มนี้มากขึ้น

นอกจากนี้ Snapchat ยังมีจำนวนโพสต์สาธารณะมากกว่าพันล้านโพสต์ต่อเดือน ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของแพลตฟอร์มและความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

Snapchat ไม่ได้เติบโตแค่ในแง่ของจำนวนครีเอเตอร์เท่านั้น แต่ จำนวนผู้ใช้งานรายวัน (Daily Active Users) ก็เพิ่มขึ้นเป็น 453 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึง 39 ล้านคน ในขณะเดียวกัน รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเป็น 1.55 พันล้านดอลลาร์ จาก 1.36 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตของบริษัท

อย่างไรก็ตาม Snapchat ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียวที่อาจได้ประโยชน์จากสถานการณ์ของ TikTok เพราะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ อย่าง YouTube, Meta (Facebook และ Instagram) และ RedNote จากจีน ก็อาจได้รับผู้ใช้และครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นเช่นกัน

สำหรับ YouTube มีฟีเจอร์ YouTube Shorts ซึ่งเป็นวิดีโอสั้นที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันโดยตรงกับ TikTok และเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ Meta ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook และ Instagram ก็มีฟีเจอร์ Reels ที่ช่วยดึงดูดครีเอเตอร์และผู้ใช้ที่ชื่นชอบวิดีโอสั้นได้เป็นอย่างดี

แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีคำตอบแน่ชัดว่า TikTok จะถูกแบนจริงหรือไม่ หรือ ByteDance จะยอมขายกิจการหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ แพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆ กำลังเตรียมพร้อมรับมือ และอาจเป็นตัวเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้และครีเอเตอร์ที่ต้องการหาพื้นที่ใหม่ในการสร้างคอนเทนต์

ในอนาคต Snapchat อาจกลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีอิทธิพลมากขึ้น ถ้า TikTok หายไปจากตลาดสหรัฐฯ หรืออาจเป็นแพลตฟอร์มอื่นอย่าง YouTube หรือ Instagram ที่ขึ้นมาครองตลาดแทนก็เป็นไปได้

ท้ายที่สุด คำถามที่น่าสนใจก็คือ หาก TikTok ถูกแบนจริงๆ คุณคิดว่าแพลตฟอร์มไหนจะก้าวขึ้นมาแทนที่ TikTok ได้ดีที่สุด?