วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศมาตรการเข้มงวดสั่งตัดไฟฟ้าและหยุดส่งน้ำมันให้กลุ่มมิจฉาชีพในเมียนมา หลังมีหลักฐานชัดว่ากลุ่มเหล่านี้ใช้ทรัพยากรของไทยในการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ โดยยืนยันว่าหากข้อมูลครบถ้วนสามารถดำเนินการได้ทันที

สั่งการ กฟภ. ตัดไฟฟ้า ปิดช่องโหว่อาชญากรรม

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีอำนาจตามข้อบังคับในการงดจ่ายไฟฟ้าหากพบว่ากระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการใช้ไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมเน้นย้ำว่าหากพบเจ้าหน้าที่หน่วยใดเพิกเฉยต่อคำสั่ง อาจถูกโยกย้ายช่วยราชการทันที

แนวทางปฏิบัติและผลกระทบ

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าต้องรอคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบ แต่หากได้รับคำสั่งจาก สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) พร้อมดำเนินการทันที โดยจะตัดไฟในจุดที่กำหนด ได้แก่ ท่าขี้เหล็ก เมียวดี และพญาตองซู ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของเครือข่ายมิจฉาชีพ

สภาความมั่นคงแห่งชาติ สรุปความเสียหายกว่า 86,000 ล้านบาท

ในการประชุม สมช. นายภูมิธรรม เปิดเผยว่าความเสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์ในพื้นที่ชายแดนเมียนมา ส่งผลกระทบต่อประชาชนไทยรวมกว่า 557,500 คดี มูลค่าความเสียหายสูงถึง 86,000 ล้านบาท คิดเป็นความเสียหายรายวันกว่า 80 ล้านบาท ส่งผลให้ที่ประชุมมีมติให้ตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมันไปยังพื้นที่ดังกล่าว เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้

มาตรการระยะยาวและการเฝ้าระวัง

นอกจากการตัดไฟในพื้นที่ต้องสงสัยแล้ว นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ย้ำว่ารัฐบาลต้องตรวจสอบช่องทางอื่น เช่น ท่าข้ามแม่น้ำ ที่อาจถูกใช้ในการลำเลียงอุปกรณ์และเครื่องปั่นไฟทดแทน พร้อมเสนอให้เฝ้าระวังชายแดนกัมพูชาด้วย เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งจุดที่อาจมีเครือข่ายอาชญากรรมแฝงตัวอยู่

รัฐบาลไทยย้ำ ไม่ใช่การแทรกแซงเมียนมา

นายภูมิธรรม ระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่การแทรกแซงกิจการภายในของเมียนมา แต่เป็นมาตรการเพื่อปกป้องประชาชนไทยจากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยรัฐบาลไทยได้แจ้งให้ทางการเมียนมาทราบล่วงหน้า และขอความร่วมมือในการปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้พื้นที่ของเมียนมาเป็นฐานปฏิบัติการ

สังคมจับตา ผลกระทบและท่าทีของเมียนมา

ขณะที่มีความกังวลว่าเมียนมาอาจตอบโต้ด้วยการตัดก๊าซที่ส่งให้ไทย รัฐบาลยืนยันว่ามีการหารือในระดับทวิภาคีแล้ว และเมียนมาทราบดีว่านี่ไม่ใช่เพียงปัญหาของประเทศไทย แต่เป็นปัญหาระดับนานาชาติ ซึ่งหลายประเทศกำลังเผชิญเช่นกัน

มาตรการตัดไฟฟ้าและน้ำมันครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของรัฐบาลไทยในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ท่ามกลางเสียงสนับสนุนและความคาดหวังจากประชาชนว่าการดำเนินการครั้งนี้จะช่วยลดการหลอกลวงและอาชญากรรมออนไลน์ที่สร้างความเสียหายให้กับสังคมไทยอย่างมหาศาล