ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนเล็กน้อยบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก ซึ่งมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยมาปกคลุม ทำให้เกิดฝนในบางพื้นที่และอากาศร้อนตลอดทั้งวัน สำหรับภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยลมตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้มีความเร็วปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทยและทะเลอันดามัน คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างจะมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร และทะเลอันดามันคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ผู้ใช้เรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในพื้นที่เหล่านั้น

สภาพอากาศในภาคเหนือจะมีอากาศร้อนในช่วงกลางวัน อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 21-25 องศาเซลเซียสในตอนเช้า และสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน ลมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดผ่านด้วยความเร็ว 5-15 กม./ชม. ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันเช่นกัน โดยมีอุณหภูมิเริ่มต้นที่ 20-25 องศาเซลเซียสและสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส พร้อมลมตะวันออกที่พัดผ่านด้วยความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ในภาคกลางอากาศร้อนในช่วงกลางวันเช่นกัน โดยอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 25-27 องศาเซลเซียสในตอนเช้าและสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวัน พร้อมลมตะวันออกที่พัดผ่านด้วยความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนภาคตะวันออกจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันโดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งตามแนวชายฝั่ง อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 25-27 องศาเซลเซียสในตอนเช้าและสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน ลมตะวันออกที่พัดผ่านด้วยความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลบริเวณนี้จะมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร และห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิในพื้นที่นี้จะอยู่ระหว่าง 25-26 องศาเซลเซียสในตอนเช้าและสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน ลมตะวันออกจะพัดผ่านด้วยความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลบริเวณนี้มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 25-27 องศาเซลเซียสในตอนเช้าและสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน ลมตะวันออกที่พัดผ่านด้วยความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลในพื้นที่นี้จะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 27-28 องศาเซลเซียสในตอนเช้าและสูงสุด 37-38 องศาเซลเซียสในตอนกลางวัน ลมตะวันออกจะพัดผ่านด้วยความเร็ว 10-20 กม./ชม. ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ควรดูแลรักษาสุขภาพจากอากาศร้อนและระมัดระวังการเดินเรือในพื้นที่ที่มีฝนฟ้าคะนอง