ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 28 มกราคม 2568 เวลา 19:00 น. โดยพบว่า ค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพฯ อยู่ที่ 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ปานกลาง แต่ยังคงมีผลกระทบต่อสุขภาพในบางกลุ่มประชาชน

ค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดใน 12 เขตกรุงเทพฯ ตามรายงานของศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กรุงเทพมหานคร เขตที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดในกรุงเทพฯ ได้แก่:

  1. เขตธนบุรี 38.8 มคก./ลบ.ม.
  2. เขตภาษีเจริญ 38.7 มคก./ลบ.ม.
  3. เขตหลักสี่ 38 มคก./ลบ.ม.
  4. เขตหนองแขม 37.8 มคก./ลบ.ม.
  5. เขตบางกอกน้อย 35.7 มคก./ลบ.ม.
  6. เขตพระโขนง 35.5 มคก./ลบ.ม.
  7. เขตคลองสามวา 35 มคก./ลบ.ม.
  8. เขตบางกอกใหญ่ 35 มคก./ลบ.ม.
  9. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 34.6 มคก./ลบ.ม.
  10. เขตพญาไท 34.1 มคก./ลบ.ม.
  11. เขตบางรัก 34.1 มคก./ลบ.ม.
  12. เขตบางซื่อ 33.9 มคก./ลบ.ม.

ภาพรวมคุณภาพอากาศในพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ คุณภาพอากาศในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ยังคงอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง (ระดับสีเหลือง) โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพเหนือ, ตะวันออก, กลาง, ใต้ และกรุงธน ทั้งหมดมีค่าฝุ่น PM2.5 ในช่วง 24.1 - 38.8 มคก./ลบ.ม. ซึ่งมีผลกระทบต่อกลุ่มประชาชนบางประเภท เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด หรือโรคหัวใจ

  • กรุงเทพเหนือ: 27.7 - 38 มคก./ลบ.ม.
  • กรุงเทพตะวันออก: 24.4 - 35 มคก./ลบ.ม.
  • กรุงเทพกลาง: 24.3 - 34.6 มคก./ลบ.ม.
  • กรุงเทพใต้: 24.1 - 35.5 มคก./ลบ.ม.
  • กรุงธนเหนือ: 28.4 - 38.8 มคก./ลบ.ม.
  • กรุงธนใต้: 28.8 - 38.7 มคก./ลบ.ม.

แนวโน้มสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ: จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในช่วงวันที่ 29 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า ฝุ่นในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากอัตราการระบายอากาศ (VR) อยู่ในระดับอ่อน โดยคาดว่าในวันที่ 29 มกราคม VR จะอยู่ที่ 2,425 m²/s และในช่วงวันที่ 30 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ ค่าฝุ่นจะยังคงทรงตัวหรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดย VR จะอยู่ในช่วง 2,250 - 3,288 m²/s

ผลกระทบต่อสุขภาพ: สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงนี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระดับ สีส้ม (เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) ซึ่งประชาชนทั่วไปควรใช้มาตรการป้องกันตนเอง เช่น การใส่หน้ากาก PM2.5 ทุกครั้งเมื่อออกนอกอาคาร และลดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากกลางแจ้ง นอกจากนี้ควรระวังอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก หรือระคายเคืองตา และหากมีอาการที่ไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ทันที

คำแนะนำสำหรับประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง: สำหรับผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด หรือโรคหัวใจ ควรใช้หน้ากาก PM2.5 ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก โดยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที

การเตรียมพร้อมและการป้องกันในระยะยาว: การรับมือกับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ระยะยาวไม่เพียงแต่ต้องให้ความร่วมมือจากประชาชนในการป้องกันตนเองเท่านั้น แต่ยังต้องการการจัดการจากภาครัฐในการพัฒนามาตรการต่าง ๆ เช่น การลดมลพิษจากยานพาหนะ การปรับปรุงระบบระบายอากาศ และการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้คุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ ดีขึ้นในระยะยาว