Apple และ Meta ความขัดแย้งเรื่องการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ในยุคดิจิทั
วันที่โพสต์: 20 ธันวาคม 2567 19:34:57 การดู 8 ครั้ง ผู้โพตส์ baikhao
Apple ได้ออกมาวิจารณ์ Meta เกี่ยวกับคำขอเข้าถึงเครื่องมือซอฟต์แวร์ของบริษัทเพื่อการทำงานร่วมกันกับอุปกรณ์ Apple ต่างๆ โดยเฉพาะ iPhone โดยระบุว่า Meta กำลังขอเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ Apple ได้ชี้ว่า Meta ได้ยื่นคำขอความสามารถในการทำงานร่วมกันถึง 15 ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดจากบริษัทใดๆ และหลายคำขอนั้นถูกมองว่าเป็นการขอเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในระดับที่เกินไป ทั้งการเข้าถึงข้อความ, อีเมล, ข้อมูลการโทรศัพท์, การติดตามกิจกรรมในแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงข้อมูลภาพถ่ายและไฟล์ส่วนตัวของผู้ใช้
Apple ยืนยันว่าหากบริษัทต้องยอมให้ Meta เข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ผ่านแอปต่างๆ เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp ก็จะทำให้ Meta สามารถติดตามทุกการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่ส่งและรับ, การโทรศัพท์ที่เข้ามาหรือออก, กิจกรรมในแอปพลิเคชันต่างๆ, ภาพถ่ายที่บันทึกในเครื่อง, การจัดการไฟล์ในอุปกรณ์ รวมถึงข้อมูลการตั้งค่ารหัสผ่าน ซึ่ง Apple เชื่อว่าอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกละเมิดอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ Apple ยังอ้างถึงประวัติการละเมิดความเป็นส่วนตัวของ Meta ในยุโรป ซึ่งรวมถึงการถูกปรับเป็นจำนวนมากในกรณีที่ละเมิดข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ Apple กังวลว่า Meta จะใช้อำนาจในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้เกินขอบเขต
ในทางกลับกัน Meta ได้ออกมาโต้แย้งว่า Apple กำลังใช้ข้ออ้างเรื่องความเป็นส่วนตัวเพื่อปกป้องธุรกิจของตนเอง โดยชี้ว่า Apple มักจะยกเรื่องความเป็นส่วนตัวขึ้นมาทุกครั้งที่ถูกกล่าวหาว่ามีการต่อต้านการแข่งขัน โดยไม่ให้ความสำคัญกับหลักความเป็นจริงที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทต่างๆ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้โดยไม่กระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบและบังคับใช้พระราชบัญญัติตลาดดิจิทัล (DMA) ได้เปิดเผยรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ Apple ในการเปิดให้มีการทำงานร่วมกันกับคู่แข่งและนักพัฒนาแอปพลิเคชัน โดยคณะกรรมาธิการได้กำหนดให้ Apple ต้องให้คำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการประเมินคำขอการทำงานร่วมกัน การกำหนดเวลาในการพิจารณา และเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจ รวมถึงการอัปเดตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการตั้งกลไกการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางเทคนิคที่เป็นธรรม เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดหลักการการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด
คณะกรรมาธิการยุโรปยังได้แนะนำให้ Apple ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันในฟีเจอร์ที่สำคัญ เช่น การแจ้งเตือนบน iOS สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น Apple Watch, Apple Vision Pro หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่จะเปิดตัวในอนาคต เพื่อให้การทำงานร่วมกันของผู้ใช้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่นและไม่มีการเลือกปฏิบัติ
การตัดสินในเรื่องนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2025 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการกำหนดทิศทางของการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยี โดยเฉพาะในแง่ของการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทต่างๆ และการบังคับใช้กฎระเบียบที่ช่วยป้องกันการผูกขาดในอุตสาหกรรมนี้