กรุงเทพฯ 4 ธันวาคม 2567  สถานการณ์การเมืองในสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ได้เกิดความตึงเครียดขึ้นอย่างกะทันหัน หลังจากที่นายยุน ซอก ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้ประกาศกฎอัยการศึกในคืนวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศ และได้ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองจากทั้งนักการเมืองและประชาชนในประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรการดังกล่าว

การประกาศกฎอัยการศึกในช่วงเวลานั้นทำให้สถานการณ์ทางการเมืองในเกาหลีใต้ยิ่งตึงเครียดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างโซล ซึ่งเกิดการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้ยกเลิกการประกาศดังกล่าว การเคลื่อนไหวนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ทั้งจากนักการเมืองฝ่ายค้านและประชาชนที่เห็นว่าไม่ควรมีการใช้กฎอัยการศึกในช่วงเวลานี้ ซึ่งทำให้มีการเรียกร้องให้รัฐสภาของเกาหลีใต้พิจารณาและดำเนินการยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกโดยเร็วที่สุด

ในเวลาต่อมา สภาผู้แทนราษฎรของเกาหลีใต้ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ และในที่สุดได้ลงมติให้ประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าวเป็นโมฆะ ซึ่งเป็นการแสดงถึงการตอบสนองอย่างรวดเร็วของภาครัฐในเกาหลีใต้ที่มีการคำนึงถึงผลกระทบทางการเมืองและสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้มาตรการดังกล่าวในช่วงวิกฤต

นายกรัฐมนตรีไทยแสดงความห่วงใยและเตือนคนไทยในเกาหลีใต้

หลังจากที่สถานการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ได้แสดงความห่วงใยต่อคนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ โดยได้โพสต์ข้อความผ่านแอปพลิเคชัน X เพื่อแจ้งข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ในเกาหลีใต้ โดยกล่าวว่าได้รับรายงานจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเกาหลีใต้ และหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการติดตามข่าวสารจากทางการและสถานทูตไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตือนคนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการชุมนุมหรือการรวมตัวของผู้ประท้วง เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนและอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

นายกรัฐมนตรีไทยยังได้กล่าวอีกว่า ทางการไทยจะติดตามสถานการณ์ในเกาหลีใต้และทำงานร่วมกับสถานทูตไทยในโซล เพื่อให้การช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่คนไทยที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยการส่งข้อมูลที่สำคัญและให้คำแนะนำที่จำเป็นในกรณีที่คนไทยต้องการความช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินนี้

สถานทูตไทยในเกาหลีใต้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

สถานทูตไทยในเกาหลีใต้ได้ออกประกาศเตือนคนไทยในประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว และแนะนำให้ติดตามข้อมูลจากสถานทูตอย่างใกล้ชิด โดยสถานทูตได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่คนไทยที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาหรือการช่วยเหลือในกรณีที่คนไทยต้องการความช่วยเหลือด้านความปลอดภัย

การเฝ้าระวังและการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งที่สำคัญในช่วงเวลาที่มีการชุมนุมหรือเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ซึ่งสถานทูตไทยในเกาหลีใต้ได้เน้นย้ำให้คนไทยในพื้นที่อย่าหลงเชื่อข่าวลือหรือข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยันจากทางการ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากสถานทูตและหน่วยงานทางการของเกาหลีใต้

ข้อแนะนำและมาตรการป้องกันสำหรับคนไทยในเกาหลีใต้

สถานทูตไทยและรัฐบาลไทยได้มีข้อแนะนำสำหรับคนไทยในเกาหลีใต้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการชุมนุม หรือการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในด้านความปลอดภัย ทั้งนี้คนไทยในเกาหลีใต้ยังควรทำความรู้จักกับสถานที่สำคัญ เช่น สถานทูตไทย และสถานที่ที่สามารถขอความช่วยเหลือได้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

อีกทั้งยังควรติดตั้งแอปพลิเคชันที่สามารถติดตามข่าวสารจากทางการได้ตลอดเวลา และควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น การติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชนที่ได้รับการยอมรับ และจากช่องทางการสื่อสารของสถานทูตไทยในเกาหลีใต้ เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลสำคัญในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนเช่นนี้

การแก้ไขสถานการณ์และความหวังในการฟื้นฟู

แม้ว่าในขณะนี้สถานการณ์ในเกาหลีใต้ยังคงมีความตึงเครียด แต่การที่รัฐสภาเกาหลีใต้สามารถลงมติยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกได้ถือเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ แม้ว่าอาจยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความสงบเรียบร้อยในสังคมเกาหลีใต้

รัฐบาลไทยยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และคาดหวังว่าสถานการณ์จะได้รับการแก้ไขในเร็วๆ นี้ เพื่อให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว

สถานการณ์นี้เป็นการทดสอบความสามารถในการจัดการกับวิกฤตของรัฐบาลเกาหลีใต้และความสามารถในการปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของพลเมืองในประเทศ แต่ก็เป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของการติดตามข่าวสารและการปฏิบัติตามคำแนะนำจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในสถานการณ์เช่นนี้