วอชิงตัน/มอสโก/เคียฟ – 26 พฤษภาคม – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกโรงวิจารณ์ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ว่า “เสียสติเต็มขั้น” หลังจากรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงต่อยูเครนเป็นคืนที่สามติดต่อกัน พร้อมระบุว่ากำลังพิจารณาการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อมอสโก

ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ระบุว่า “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา (ปูติน) เขาบ้าไปแล้วจริง ๆ! ผมเคยพูดอยู่เสมอว่าเขาต้องการยูเครนทั้งหมด ไม่ใช่แค่บางส่วน และอาจจะเป็นจริงก็ได้ แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น รัสเซียจะถึงจุดจบแน่นอน!”

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังไม่วายตำหนิประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ว่าทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง “ทุกอย่างที่เขาพูดออกมาเป็นปัญหา ผมไม่ชอบเลย และมันควรจะหยุดได้แล้ว”

โฆษกเครมลิน ดมีตรี เปสคอฟ ตอบโต้คำพูดของทรัมป์ โดยกล่าวว่าสถานการณ์ในขณะนี้ทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้สึกเครียดและมีปฏิกิริยาในเชิงอารมณ์สูง พร้อมแสดงความขอบคุณต่อประชาชนอเมริกันและทรัมป์ที่ให้ความสนใจต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพ

ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีไม่ได้กล่าวตอบโต้โดยตรงต่อคำวิจารณ์ของทรัมป์ แต่เขาย้ำในแถลงการณ์ผ่านวิดีโอประจำคืนว่า การโจมตีอย่างต่อเนื่องของรัสเซียสะท้อนถึง “การตัดสินใจทางการเมืองของปูติน” และพิสูจน์ว่ารัสเซียไม่มีความจริงใจในการยุติสงคราม

“นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางทหาร แต่มันคือการเลือกอย่างชัดเจนทางการเมือง เพื่อทำลายชีวิตผู้คน” เซเลนสกีกล่าว พร้อมเสริมว่ารัสเซีย “สมควรได้รับแรงกดดันเต็มรูปแบบเพื่อจำกัดศักยภาพทางทหารของพวกเขา”

หน่วยป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนระบุว่า มีการโจมตีในหลายพื้นที่ รวมถึงภูมิภาค Khmelnytskyi ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศสำคัญ และถูกถล่มด้วยขีปนาวุธล่องหน 7 ลูกและโดรนจำนวนมาก อาคารที่อยู่อาศัยและโรงงานได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเด็กชายวัย 14 ปีได้รับบาดเจ็บในภูมิภาคโอเดสซาติดทะเลดำ

กระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่า การโจมตีเป็นการตอบโต้ยูเครนที่มุ่งโจมตีพลเรือนในรัสเซีย และเน้นว่าเป้าหมายของตนเป็นเป้าหมายทางทหาร โดยเฉพาะฐานทัพอากาศ Starokostiantyniv

ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อที่สนามบินในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา (ปูติน) เขาฆ่าผู้คนมากมาย ผมไม่พอใจเลย” พร้อมระบุว่าอาจมีการพิจารณาคว่ำบาตรเพิ่มเติม

การโจมตีในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาถือเป็นหนึ่งในการโจมตีทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียในสงครามครั้งนี้ โดยมีการยิงโดรนและขีปนาวุธรวมกว่า 367 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน รวมถึงเด็ก 3 คนในภูมิภาค Zhytomyr ทางตอนเหนือของยูเครน

ยูเครนเองก็โต้กลับด้วยการใช้โดรนโจมตีเป้าหมายในรัสเซีย โดยบางลูกพุ่งเป้าไปยังกรุงมอสโก ส่งผลให้สนามบินในเมืองต้องปิดชั่วคราว

แม้ทรัมป์จะพยายามผลักดันให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาเพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี แต่สถานการณ์ยังคงทวีความรุนแรง และกองทัพรัสเซียมีความเคลื่อนไหวรุกคืบในพื้นที่ตะวันออกของยูเครนอย่างต่อเนื่อง

ผู้นำยุโรปบางประเทศแสดงความผิดหวังที่ยังไม่สามารถโน้มน้าวให้ทรัมป์สนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่เพิ่มเติมได้ โดยหวังว่าท่าทีที่แข็งกร้าวล่าสุดของเขาจะนำไปสู่มาตรการที่กดดันเครมลินอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

รัสเซียยังคงยืนยันว่าสิ่งที่ทำคือ “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” เพื่อปกป้องประเทศจากการรุกรานของ NATO ขณะที่ยูเครนยืนกรานว่า รัสเซียได้เริ่มสงครามรุกรานอย่างไม่มีเหตุผลตั้งแต่ต้น