จีนเพิ่มการนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยอีก 5.4 แสนตัน มูลค่า 3,489 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจเกษตรไทยและการค้าระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยถึงความสำเร็จในการขยายตลาดการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย โดยระบุว่ารัฐบาลได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามสัญญาการซื้อขายมันสำปะหลังระหว่างผู้ประกอบการไทยและบริษัท COFCO Biotechnology Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของจีนที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ การลงนามในสัญญาครั้งนี้จะนำไปสู่การนำเข้ามันสำปะหลังจากไทยเพิ่มขึ้นอีก 5.4 แสนตัน คิดเป็นมูลค่าถึง 3,489 ล้านบาท

นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อตกลงในครั้งนี้เป็นผลจากการเจรจาระหว่างภาครัฐและเอกชนไทยที่ได้ผลักดันการขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการส่งมอบมันสำปะหลังให้จีนตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างโอกาสทางการค้าระหว่างสองประเทศ โดยการส่งออกมันสำปะหลังจากไทยในครั้งนี้ จะคิดเป็น หัวมันสด 1.28 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ผลผลิตจากเกษตรกรไทยสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้อย่างต่อเนื่อง

การทำข้อตกลงกับจีนในครั้งนี้ถือเป็นการเสริมความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทย โดยเฉพาะการปรับตัวในด้านราคาที่คาดว่าจะช่วยยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงมากขึ้น โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อหาทางสนับสนุนเกษตรกรในการแก้ปัญหาการขายมันสำปะหลังให้ได้ราคาที่เป็นธรรม โดยเริ่มต้นที่ราคาซื้อ 2.5 บาท/กิโลกรัม และจะมีการปรับขึ้นเป็น 3 บาท/กิโลกรัมในอนาคต

นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงผลการเจรจาที่สำเร็จในช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา โดยคณะผู้แทนการค้าของไทยได้เดินทางไป เซี่ยงไฮ้ และ เฉิงตู ระหว่างวันที่ 6-8 มกราคม ซึ่งสามารถขายมันสำปะหลังได้ 4.4 แสนตัน มูลค่ารวม 5,314.95 ล้านบาท คิดเป็นหัวมันสดประมาณ 1.68 ล้านตัน ทำให้การขายมันสำปะหลังทั้งหมดในช่วงเดือนมกราคม 2568 นี้ รวมถึงยอดการขายจากการลงนามล่าสุดที่ 5.4 แสนตัน รวมทั้งสิ้น 9.8 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 8,083 ล้านบาท หรือประมาณ 2.98 ล้านตัน ของหัวมันสดในประเทศ

การขยายตลาดครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อเกษตรกรและภาคการเกษตรไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศในด้านสินค้าเกษตร โดยการส่งออกมันสำปะหลังจากไทยไปยังจีนถือเป็นโอกาสที่สำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงในอุตสาหกรรมเกษตรไทย ตลอดจนการยกระดับสินค้าเกษตรให้มีความแข่งขันในระดับสากล

นายอนุกูล ยังกล่าวถึงความสำเร็จของการขยายตลาดมันสำปะหลังในครั้งนี้ว่า นอกจากมันสำปะหลังแล้ว รัฐบาลยังคงเดินหน้าผลักดันการขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เกษตรอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ข้าวและการนำเข้าวัวมีชีวิตจากประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าทุเรียน โดยรัฐบาลจะร่วมกับจีนในการตรวจสอบปัญหาการพบสารย้อมสีในทุเรียน ซึ่งมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรไทยอย่างมาก

"การดำเนินนโยบายในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย แต่ยังเป็นการยกระดับการค้าสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกและช่วยเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ" นายอนุกูลกล่าวสรุป