Samsung เดินหน้าลุยตลาดอุปกรณ์ทนทานสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง ด้วยการเปิดตัว Galaxy XCover7 Pro และ Galaxy Tab Active5 Pro รุ่นอัปเกรดจากปีที่แล้ว โดยมาพร้อมประสิทธิภาพที่สูงขึ้น แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น หน้าจอสว่างขึ้น และฟีเจอร์เฉพาะสำหรับงานภาคสนาม ทั้งในแวดวงการก่อสร้าง สาธารณสุข การขนส่ง และภาครัฐ

Galaxy XCover7 Pro มาพร้อมชิป Snapdragon 7s Gen 3 แรงกว่ารุ่นก่อนถึงสองเท่า ทำงานคู่กับ RAM 6GB และหน่วยความจำภายใน 128GB รองรับ microSD สูงสุด 2TB แบตเตอรี่เพิ่มเป็น 4,350mAh ชาร์จผ่าน USB-C 3.2 หรือ pogo pin ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับแท่นชาร์จโดยเฉพาะ ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น IP68 และผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H พร้อมรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องมีการฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ

หน้าจอ LCD ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรต 120Hz ใช้งานได้แม้สวมถุงมือหนาถึง 2 มม. เสริมด้วย Gorilla Glass Victus+ ลำโพงสเตอริโอพร้อม Dolby Atmos และปุ่ม Top Key และ XCover Key ที่ตั้งค่าการใช้งานเฉพาะทางได้ เช่น ใช้เป็นวอล์กกี้ทอล์กกี้หรือสแกนบาร์โค้ด กล้องหลังคู่ 50MP + 8MP Ultrawide และกล้องหน้า 13MP รองรับ 5G, Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.4 และ NFC

Galaxy Tab Active5 Pro เปลี่ยนดีไซน์ใหม่ มาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 10.1 นิ้ว (จากเดิม 8 นิ้ว) ความละเอียด 1920x1200 พิกเซล รีเฟรชเรต 120Hz รองรับ S Pen และหน้าจอสามารถสแกน NFC ได้ผ่านหน้าจอ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานเป็นจุดขายสินค้าแบบ mPOS ตัวกระจกหน้าจอใช้ Gorilla Glass Victus+ เช่นเดียวกับรุ่นโทรศัพท์

ภายในใช้ชิป Snapdragon 7s Gen 3 มีให้เลือก RAM 6/8GB และความจุ 128/256GB รองรับ microSD สูงสุด 2TB แบตเตอรี่ความจุ 10,100mAh แบบถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง และสามารถใช้งานแบบไม่มีแบตเตอรี่ (No Battery Mode) ได้เหมาะสำหรับการติดตั้งแบบถาวร เช่น ในรถยนต์หรือเป็นคีออสก์ รองรับ USB-C 3.2 และ pogo pin สำหรับชาร์จไฟ

ทั้งสองรุ่นรองรับระบบความปลอดภัยระดับองค์กร Samsung Knox และ Knox Vault รองรับ Samsung DeX, การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือและใบหน้า และผ่านการทดสอบฆ่าเชื้อเช่นเดียวกับ XCover7 Pro

XCover7 Pro และ Tab Active5 Pro จะวางจำหน่ายในยุโรปภายในเดือนนี้ โดย XCover7 Pro สนนราคา €610 ส่วน Tab Active5 Pro ความจุ 128GB ราคา €810 ขณะที่สหรัฐอเมริกาจะเริ่มจำหน่ายในช่วงต้นเดือนมิถุนายน

Samsung คาดการณ์ว่าตลาดอุปกรณ์สมาร์ตดีไวซ์แบบแกร่งจะเติบโตขึ้น โดยสมาร์ตโฟนจะมีความต้องการสูงถึง 4.46 ล้านเครื่องในปี 2028 และแท็บเล็ตจะเพิ่มเป็น 1.89 ล้านเครื่อง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมค้าปลีก รัฐบาล โลจิสติกส์ การแพทย์ และการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง