ปภ.ช. เร่งระดมอากาศยานดับไฟป่า คุมเข้มมาตรการลดฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ สถานการณ์ยังวิกฤต
วันที่โพสต์: 27 มีนาคม 2568 03:59:45 การดู 3 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยยังคงรุนแรงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.ช.) ได้เร่งระดมอากาศยานเข้าดับไฟป่าในพื้นที่ที่พบจุดความร้อนสะสมจำนวนมาก พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมสถานการณ์
จากข้อมูลล่าสุด พบว่ามีจุดความร้อนสะสมใน 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 2,595 จุด โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน 412 จุด, ตาก 306 จุด, และ เชียงใหม่ 229 จุด โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็น เขตป่าอนุรักษ์ 1,111 จุด และ ป่าสงวนแห่งชาติ 943 จุด ทำให้การเข้าดับไฟทำได้ยาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าลึก ต้องใช้อากาศยานเข้าปฏิบัติภารกิจดับไฟจากทางอากาศเป็นหลัก


น่านเพิ่มมาตรการเข้มข้น เร่งควบคุมจุดความร้อนที่พุ่งสูง
สำหรับจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควันมากที่สุด พบจุดความร้อนสะสมแล้ว 2,199 จุด โดยเฉพาะในโซนน่านใต้ ซึ่งประกอบด้วย อำเภอเวียงสา, อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น โดยอำเภอเวียงสาพบจุดความร้อนมากที่สุด
นายชำนาญ บำรุงสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมไฟป่าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พบจุดความร้อนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาตรการสำคัญที่นำมาใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์ ได้แก่
- มาตรการเคาะประตูบ้าน – ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ผู้นำชุมชน และอาสาสมัคร ลงพื้นที่พูดคุยและทำความเข้าใจกับประชาชน ขอความร่วมมือให้หยุดการเผาในพื้นที่เสี่ยง พร้อมประชาสัมพันธ์ข้อมูลผ่านทุกช่องทางที่เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด
- มาตรการปิดป่า – ในพื้นที่ที่มีจุดความร้อนเพิ่มสูงขึ้น ได้มีการพิจารณาปิดป่าชั่วคราว เพื่อป้องกันการเข้าพื้นที่ของบุคคลที่อาจก่อให้เกิดไฟป่า และมีการกำชับว่าหากพบผู้ลักลอบเผาป่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
- มาตรการตั้งด่านสกัด 24 ชั่วโมง – มีการตั้งด่านตรวจร่วมกับชุมชนในพื้นที่ป่า อุทยานแห่งชาติ และเส้นทางเข้า-ออกของพื้นที่เสี่ยง เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบเผาป่าและเคลื่อนย้ายวัสดุที่อาจก่อให้เกิดไฟป่า
- มาตรการเข้าดับไฟเชิงรุก – หน่วยปฏิบัติการพิเศษในการดับไฟป่าถูกส่งเข้าพื้นที่เสี่ยงสูงเพื่อควบคุมไฟป่าก่อนลุกลามไปยังจุดอื่น โดยได้รับการสนับสนุนจากเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานที่ใช้โปรยน้ำดับไฟ
ไฟป่าลุกลามข้ามพรมแดน ฝุ่น PM 2.5 ทวีความรุนแรง
นอกจากสถานการณ์ภายในประเทศแล้ว ยังพบว่าไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ปัญหาหมอกควันรุนแรงขึ้น โดยข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ปัจจุบันพบ จุดความร้อนในเมียนมา 7,997 จุด และ สปป.ลาว 5,148 จุด ซึ่งควันไฟจากการเผาป่าที่เกิดขึ้นในประเทศเหล่านี้ได้ถูกพัดเข้ามาสะสมในพื้นที่ภาคเหนือของไทย ทำให้คุณภาพอากาศในหลายจังหวัดเข้าสู่ระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
พายุฤดูร้อนอาจช่วยลดค่าฝุ่น แต่ยังต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและลมแรง
กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วง 29 มีนาคม – 1 เมษายน ประเทศไทยตอนบนจะได้รับอิทธิพลจากพายุฤดูร้อน ซึ่งอาจช่วยให้ค่าฝุ่นละอองลดลงจากการที่มีฝนตกลงมาชะล้างฝุ่นในอากาศ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องเฝ้าระวังสภาพอากาศแปรปรวน เช่น ลมกระโชกแรง ฝนฟ้าคะนอง และลูกเห็บตก ในบางพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินมาตรการดับไฟป่า
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ไฟป่าและคุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าปฏิบัติการดับไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว