ราคาทองคำ 7 มกราคม 2568 เปิดตลาดปรับขึ้น 50 บาท พร้อมแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways

สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทองคำในประเทศประจำวันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 เปิดตลาดปรับขึ้น 50 บาท ทองคำแท่งยังยืนเหนือแนวรับ 43,000 บาท ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาจังหวะเข้าซื้อ

ราคาทองคำในประเทศ

• ทองคำแท่ง
  • รับซื้อคืน: 43,100.00 บาท/บาททองคำ
  • ขายออก: 43,200.00 บาท/บาททองคำ
• ทองรูปพรรณ
  • รับซื้อคืน: 42,326.72 บาท/บาททองคำ
  • ขายออก: 43,700.00 บาท/บาททองคำ
• ทองคำขนาดอื่นๆ (รวมค่ากำเหน็จ)
  • ทอง 1 สลึง: 11,300 บาท
  • ทอง 2 สลึง: 22,100 บาท
  • ทองครึ่งสลึง: 5,900 บาท

ปัจจัยกระทบราคาทองคำ

ราคาทองคำในประเทศยังอิงกับตลาดสปอตซึ่งอยู่ที่ระดับ 2,639.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และค่าเงินบาทที่ 34.59 บาทต่อดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวของตลาดทองคำในช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของ Bond Yield สหรัฐ และสัญญาณชะลอการปรับลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงยังช่วยหนุนราคาทองคำ

ในภาพรวม นักลงทุนยังจับตานโยบายเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีแนวโน้มจะผ่อนคลายกำแพงภาษีนำเข้าสินค้า ขณะที่กองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำในระดับเดิม

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการประจำเดือนธันวาคม โดยตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53.5 จาก 52.1 ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงรายงานจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร ซึ่งคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจาก 7.74 ล้านตำแหน่งเป็น 7.73 ล้านตำแหน่ง

แนวโน้มและการวิเคราะห์ราคาทองคำ

นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ที่ 2,630-2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 2,630 ดอลลาร์ และแนวต้านที่ 2,650 ดอลลาร์

สำหรับราคาทองคำในประเทศ แนวรับอยู่ที่ 43,100 บาท และแนวรับถัดไปที่ 42,900 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 43,300 และ 43,450 บาท หากราคายืนเหนือแนวรับ 43,000 บาทได้ ถือเป็นโอกาสเหมาะสำหรับการเข้าซื้อ โดยสัญญาณทางเทคนิคจาก MACD ยังคงเป็นเชิงบวก (Bullish MACD) นักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์ Let Profit Run เพื่อสร้างกำไรต่อเนื่อง

คำแนะนำ

ราคาทองคำในระยะสั้นยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แนะนำให้ซื้อขายตามกรอบแนวรับ-แนวต้าน โดยจุดเข้าซื้อที่เหมาะสมอยู่บริเวณ 2,630 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 43,100 บาทสำหรับทองคำแท่ง พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 2,620 ดอลลาร์หรือ 42,900 บาทเพื่อบริหารความเสี่ยง