วันที่ 1 สิงหาคม 2568 – กลายเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจกลางพายุชีวิต เมื่อหญิงสาวชาวจังหวัดน่านต้องเผชิญกับชะตากรรมสุดเศร้าซ้ำสอง หลังเพิ่งรอดพ้นจากภัยน้ำท่วมใหญ่ที่พัดพาบ้านจมหายทั้งหลัง แต่ยังไม่ทันได้ฟื้นตัว กลับต้องพบกับโศกนาฏกรรมครั้งใหม่ เมื่อรถเก๋งไฟฟ้าคู่ใจเกิดระเบิดกลางลานบ้าน ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันต่อหน้าต่อตา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้าตรู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดน่าน หลังจากฝนตกต่อเนื่องหลายวันติดต่อกันจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ทำให้หลายพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากบ้าน ข้าวของถูกกระแสน้ำพัดพาเสียหายอย่างหนัก

หญิงสาวผู้ประสบเหตุ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านริมแม่น้ำน่าน เล่าว่า บ้านของเธอเพิ่งถูกน้ำท่วมหนักเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าวของแทบไม่เหลือ และเธอเพิ่งกลับเข้าไปสำรวจความเสียหายภายในบ้านในช่วงเช้านี้ แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น จากนั้นไฟก็ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทั้งคันจะถูกไฟกลืนกินจนไม่เหลือซาก

“ยังไม่ทันได้เก็บของหรือซ่อมแซมอะไรเลย รถก็มาไฟไหม้ต่อหน้าต่อตา ได้แต่นั่งร้องไห้ เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า…” หญิงสาวเล่าเสียงสั่น พร้อมน้ำตาอาบแก้ม

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลเมืองน่านได้รับแจ้งเหตุและรุดเข้าที่เกิดเหตุภายในไม่กี่นาที ใช้เวลากว่า 20 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุของการระเบิดเกิดจากระบบแบตเตอรี่ภายในตัวรถไฟฟ้าที่อาจได้รับความเสียหายจากการแช่น้ำท่วมและเกิดลัดวงจรเมื่อเริ่มแห้ง ทำให้เกิดการสปาร์คและลุกไหม้อย่างรวดเร็ว

พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ อินทนนท์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองน่าน เผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ผลิตรถไฟฟ้าเพื่อเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมแนะประชาชนที่ใช้รถไฟฟ้าและมีประสบการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานรถทันที และให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจสอบระบบไฟอย่างละเอียดก่อนนำกลับมาใช้งาน

ขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว หลายคนเข้ามาแสดงความเห็นใจหญิงสาว พร้อมเรียกร้องให้มีมาตรการและแนวทางความปลอดภัยที่ชัดเจนในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงภัยพิบัติ โดยเฉพาะในประเทศที่เกิดน้ำท่วมเป็นประจำ

นับเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ทั้งในแง่ความปลอดภัยของเทคโนโลยี และความเปราะบางของชีวิตผู้คนในภาวะวิกฤตภัยธรรมชาติ ที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี