ครม. อนุมัติเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บาทต่อเดือน เริ่ม 1 ม.ค. 2568 หวังบรรเทาภาระผู้ประกันตน พร้อมกระตุ้นการเพิ่มประชากร

วันที่ 17 ธันวาคม 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรฉบับใหม่ ซึ่งมีสาระสำคัญคือการปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรให้แก่ผู้ประกันตน โดยเพิ่มจากเดิม 800 บาทต่อเดือน เป็น 1,000 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

ช่วยลดภาระ-สอดคล้องเศรษฐกิจปัจจุบัน
นายคารมระบุว่า การปรับอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนครั้งนี้ เป็นการตอบสนองต่อสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกันตนที่มีบุตร ซึ่งต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายในด้านการดูแลและการศึกษาของบุตรที่สูงขึ้น

“การเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกันตน แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะสร้างเสถียรภาพและสนับสนุนคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว” นายคารมกล่าว

กระตุ้นอัตราการเกิด-ไม่กระทบกองทุน
อีกหนึ่งวัตถุประสงค์สำคัญของการออกกฎกระทรวงฉบับนี้ คือการส่งเสริมให้อัตราการเกิดในกลุ่มผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มอัตราการเกิดที่ลดลงในหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อโครงสร้างประชากรและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

นายคารมยังเน้นย้ำว่า มาตรการดังกล่าวได้รับการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยยืนยันว่าการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของกองทุนประกันสังคม

เตรียมพร้อมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2568
การเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลมุ่งมั่นจะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ประกันตนทั่วประเทศ ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป โดยการจ่ายเงินในอัตราใหม่นี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกันตนในการดูแลครอบครัว

เสียงสะท้อนจากผู้ประกันตน
หลังการประกาศข่าวดังกล่าว ผู้ประกันตนจำนวนมากแสดงความพึงพอใจต่อมาตรการนี้ โดยมองว่าเป็นการช่วยเหลือที่ตรงจุดและทันเวลา ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่กดดัน ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางสนับสนุนในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การลดหย่อนภาษี หรือการสนับสนุนค่าครองชีพด้านอื่น ๆ

ทิศทางนโยบายสังคมในอนาคต
การปรับปรุงร่างกฎกระทรวงในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของทิศทางนโยบายที่รัฐบาลวางแผนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว ทั้งการสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว การพัฒนาระบบประกันสังคม และการรับมือกับปัญหาโครงสร้างประชากรในอนาคต