1 พฤษภาคม 2568 – รัฐบาลประกาศความสำเร็จในการเพิ่มวงเงินสงเคราะห์บุตรจากเดิม 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือนต่อคน เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 และเริ่มจ่ายงวดแรกในวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา โดยมาตรการนี้ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ นายจ้าง และผู้ประกันตนที่เห็นถึงความสำคัญของการช่วยเหลือครอบครัวในช่วงที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของเด็กและครอบครัวในระยะยาว

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มาตรการนี้ครอบคลุมผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ซึ่งมีบุตรอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ขวบ โดยผู้ประกันตนสามารถรับเงินสงเคราะห์บุตรจำนวน 1,000 บาทต่อเดือนต่อคน โดยให้สิทธิ์ได้สูงสุดถึง 3 คน ต่อครอบครัว ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็กและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็กไทย

นโยบายนี้เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรของประเทศ ซึ่งมีการลดลงของอัตราการเกิดในขณะที่ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ การปรับเพิ่มวงเงินสงเคราะห์บุตรจึงเป็นการตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าว และส่งเสริมให้ประชาชนตัดสินใจมีบุตรเพิ่มขึ้น

ในส่วนของการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับปี 2568 จะมีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ประกันตนทุกๆ สิ้นเดือน โดยการจ่ายเงินจะมีการตามลำดับเดือนต่างๆ เช่น สิทธิในเดือนมกราคมจะได้รับเงินในเดือนเมษายน, สิทธิในเดือนกุมภาพันธ์จะได้รับเงินในเดือนพฤษภาคม, สิทธิในเดือนมีนาคมจะได้รับเงินในเดือนมิถุนายน และต่อเนื่องไปจนถึงสิทธิในเดือนธันวาคมที่จะได้รับเงินในเดือนมีนาคมปีถัดไป

มาตรการนี้ยังช่วยสนับสนุนในด้านการศึกษาของเด็ก ๆ โดยผู้ปกครองสามารถนำเงินที่ได้รับไปใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็ก เช่น ค่าใช้จ่ายในการเรียน การดูแลสุขภาพ หรือการส่งเสริมกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก ซึ่งเป็นการช่วยบรรเทาภาระของครอบครัวในช่วงเวลาที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้ รัฐบาลยังคงเน้นการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับสิทธิในการรับเงินสงเคราะห์บุตร โดยผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เพจ Facebook “สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน” หรือเว็บไซต์ www.sso.go.th ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วในการขอข้อมูล และการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ในมาตรการนี้

การปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมให้ประเทศมีฐานประชากรที่แข็งแกร่งและสามารถพัฒนาในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน