ประธานาธิบดี ยุน ซอก ยอล เดินหน้าปกป้องการประกาศกฎอัยการศึก พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ต่อข้อกล่าวหาก่อกบฏ

12 ธันวาคม 2567 – สถานการณ์การเมืองในเกาหลีใต้ทวีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดี ยุน ซอก ยอล เผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากฝ่ายค้านและการประณามของประชาชนเกี่ยวกับการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยุนยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความจำเป็นทางการเมืองและความมั่นคง พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ามีเจตนาก่อกบฏ

การปกป้องการประกาศกฎอัยการศึก

ในแถลงการณ์ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ ยุนระบุว่าการประกาศกฎอัยการศึกเป็นความพยายามในการปกป้องระบอบประชาธิปไตย และการส่งกำลังทหารไปยังรัฐสภานั้นกระทำเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ “การกระทำนี้ไม่ได้มีเจตนาล้มล้างรัฐบาลหรือก่อกบฏ แต่เป็นการปกป้องรัฐธรรมนูญและผลประโยชน์ของประชาชน” ยุนกล่าว

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะมีการเคลื่อนไหวเพื่อถอดถอนหรือสอบสวนเขา แต่เขาจะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด “ผมจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ด้วยความโปร่งใส ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร”

ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน

การประกาศกฎอัยการศึกเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านหลัก ซึ่งกล่าวหาว่าประธานาธิบดียุนใช้อำนาจเกินขอบเขต ฝ่ายค้านยังแสดงความไม่พอใจต่อการจัดสรรงบประมาณที่ผ่านการแก้ไขโดยพรรคของยุน โดยเฉพาะในประเด็นงบประมาณด้านการป้องกันประเทศ

รัฐสภาซึ่งมีฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก ได้ตัดงบประมาณสำคัญสำหรับปี 2568 และยื่นญัตติถอดถอนเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล โดยเฉพาะอัยการสูงสุดและผู้ตรวจสอบบัญชีของรัฐ

ยุนกล่าวตอบโต้ว่า “รัฐสภาที่ถูกครอบงำโดยฝ่ายค้านได้กลายเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ ฝ่ายค้านกำลังทำลายหลักการประชาธิปไตยเสรีด้วยการใช้อำนาจในทางที่ผิด”

ประเด็นความมั่นคงไซเบอร์และระบบเลือกตั้ง

ยุนยังเปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายคิม ยอง-ฮยอน อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ตรวจสอบระบบการลงคะแนนเสียงของคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ หลังจากพบว่าแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือได้โจมตีระบบดังกล่าว เขาย้ำว่า ความมั่นคงไซเบอร์เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างสูง

“การปกป้องระบบการเลือกตั้งและความเชื่อมั่นของประชาชนคือสิ่งสำคัญที่สุด” ยุนกล่าว

ปฏิกิริยาของพรรครัฐบาลและประชาชน

นายฮัน ดงฮุน หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ยืนยันว่า พรรคจะสนับสนุนยุนต่อไป และเรียกร้องให้สมาชิกพรรคลงมติในญัตติถอดถอนตามความเชื่อมั่นของตัวเอง ขณะเดียวกัน การประกาศกฎอัยการศึกก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชน ซึ่งบางส่วนมองว่าการกระทำนี้เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต

กระบวนการถอดถอนและอนาคตของยุน

หากญัตติถอดถอนยุนผ่านการลงมติในรัฐสภา คดีจะถูกส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตัดสิน โดยศาลต้องการเสียงข้างมากสองในสามของผู้พิพากษาทั้งหมดเพื่อตัดสินให้นายยุนพ้นจากตำแหน่ง

เหตุการณ์นี้เป็นบททดสอบสำคัญต่อเสถียรภาพทางการเมืองของเกาหลีใต้ และอาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการบริหารประเทศในอนาคต ไม่เพียงแค่ในระดับภายในประเทศ แต่ยังรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย

ที่มา : Yonhap