นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวลือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทในช่วงปีใหม่ โดยชี้แจงว่า การตัดสินใจในเรื่องนี้จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการค่าจ้าง หรือบอร์ดไตรภาคี ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจโดยตรง

"การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะส่งผลกระทบต่อทั้งลูกจ้างและนายจ้าง รวมถึงระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ" นายอนุทินกล่าว พร้อมระบุว่า แม้รัฐบาลจะสนับสนุนแนวคิดการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่กระบวนการพิจารณาจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ การพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน อาทิ

  • สภาพเศรษฐกิจของประเทศ
  • อัตราเงินเฟ้อ
  • ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น
  • ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ
  • ผลกระทบต่อการจ้างงานในภาพรวม

รองนายกรัฐมนตรียังเปิดเผยว่า หากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้รับการอนุมัติในช่วงปีใหม่ จะเป็นของขวัญปีใหม่ที่มีความหมายสำหรับแรงงานไทยกว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการค่าจ้าง

"นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้ริเริ่มตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเรากำลังดำเนินการอย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย" นายอนุทินกล่าวทิ้งท้าย

ด้านสมาคมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แสดงความกังวลต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ โดยเสนอให้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการคุ้มครองแรงงานและการเติบโตของภาคธุรกิจ

ขณะที่ตัวแทนกลุ่มแรงงานแสดงความยินดีกับความคืบหน้าของนโยบายดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้มีการพิจารณาอย่างรวดเร็วเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงานจากภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการค่าจ้างจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในเร็วๆ นี้ โดยจะมีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนก่อนมีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย