เหตุการณ์สลดใจเกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ (2 พ.ย. 2567) ณ ค่ายผู้ลี้ภัย "ปาลาเบค" (Palabek) ทางตอนเหนือของประเทศยูกันดา เมื่อฟ้าผ่าลงมาในช่วงที่มีพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 14 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 13 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 34 คน

นายคีตูมา รูโซเก โฆษกตำรวจยูกันดา เปิดเผยกับสำนักข่าวบีบีซีว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตมีผู้ใหญ่เพียงคนเดียวอายุ 21 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็กทางการยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและยืนยันอายุที่แน่ชัด ด้านผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ค่ายผู้ลี้ภัยปาลาเบคเป็นที่พักพิงของผู้อพยพและผู้ขอลี้ภัยกว่า 80,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หนีภัยจากความขัดแย้งในประเทศซูดานใต้ ในช่วงที่เกิดเหตุ พื้นที่ดังกล่าวกำลังเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน มีพายุฟ้าคะนองรุนแรงและฝนตกหนัก

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระดมทีมให้ความช่วยเหลือด้านจิตวิทยาและการสนับสนุนครอบครัวผู้สูญเสีย รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อพิจารณามาตรการป้องกันในอนาคต

รัฐบาลยูกันดาได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและปรับปรุงระบบป้องกันฟ้าผ่าในค่ายผู้ลี้ภัยทั่วประเทศ พร้อมประกาศให้ความช่วยเหลือด้านค่าทำศพและค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ประสบภัย

ทั้งนี้ เหตุการณ์ฟ้าผ่าที่คร่าชีวิตผู้คนไม่ใช่เรื่องใหม่ในยูกันดา โดยเมื่อ 4 ปีก่อน เคยเกิดเหตุฟ้าผ่าที่เมืองอารัว ส่งผลให้เด็ก 10 คนเสียชีวิตขณะกำลังพักระหว่างการแข่งขันฟุตบอล

ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิอากาศระบุว่า ยูกันดามีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดฟ้าผ่าเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงจำเป็นต้องมีการติดตั้งระบบป้องกันฟ้าผ่าในพื้นที่เสี่ยงอย่างเร่งด่วนและทั่วถึง เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต