ทรัมป์ประกาศความสำเร็จ! ข้อตกลงหยุดยิง “อิหร่าน-อิสราเอล” ถือว่ายังยืนหลังสงคราม 12 วัน
วันที่โพสต์: 25 มิถุนายน 2568 17:27:19 การดู 6 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ซึ่งได้รับการเจรจาโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนจะยังคงมีผลบังคับใช้ในวันที่สอง หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายประกาศยุติการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและต่างฝ่ายต่างอ้างชัยชนะในการสู้รบที่กินเวลานานกว่า 12 วัน
ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลปะทุขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยอิสราเอลเป็นฝ่ายเริ่มต้นด้วยการโจมตีทางอากาศอย่างเหนือความคาดหมาย มุ่งเป้าไปยังผู้นำระดับสูงของกองทัพอิหร่าน นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชั้นนำ ตลอดจนสถานีเสริมสมรรถนะยูเรเนียมและคลังขีปนาวุธหลายแห่งทั่วประเทศอิหร่าน ขณะที่อิหร่านตอบโต้กลับด้วยการยิงขีปนาวุธจำนวนมากเข้าสู่อิสราเอล ซึ่งสามารถเจาะทะลวงระบบป้องกันของฝ่ายตรงข้ามได้เป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อิหร่านรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้อย่างน้อย 610 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 5,000 คน ขณะที่อิสราเอลมีผู้เสียชีวิต 28 ราย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลความเสียหายฝั่งอิหร่านไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างอิสระ เนื่องจากการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวดในประเทศ
สหรัฐฯ ตัดสินใจเข้าร่วมความขัดแย้งในช่วงสองวันสุดท้ายของสงคราม โดยได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สามารถเจาะทะลุบังเกอร์ลึกลงสู่เป้าหมายใต้ภูเขา เพื่อโจมตีศูนย์กลางโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยทรัมป์กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกทำลายจนสิ้นซาก” และ “จะไม่สามารถสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้อีกต่อไป” อย่างไรก็ตาม รายงานเบื้องต้นจากหน่วยข่าวกรองกลาโหมสหรัฐ (DIA) ระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้รุนแรงตามที่ทรัมป์กล่าว โดยเฉพาะในส่วนของแร่ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะที่ยังคงมีอยู่ และโครงการอาจล่าช้าเพียง 1-2 เดือนเท่านั้น ขณะที่ทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวว่า “ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง”
ในขณะเดียวกัน สภาอิหร่านได้ผ่านร่างกฎหมายระงับความร่วมมือกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติที่ทำหน้าที่ตรวจสอบกิจกรรมนิวเคลียร์ โดยระบุว่าร่างกฎหมายนี้ยังต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานด้านความมั่นคงสูงสุดของประเทศเสียก่อน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลต่อสถานภาพของอิหร่านในสนธิสัญญาการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT)
สตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษของทรัมป์ประจำตะวันออกกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านทั้งทางตรงและผ่านตัวกลาง พร้อมแสดงความหวังว่า สองประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพถาวรได้ในอนาคตอันใกล้
หลังประกาศหยุดยิง ทรัมป์ยังได้กล่าวอ้างว่าเป็นเขาที่ “สั่งให้เครื่องบินรบของอิสราเอลหยุดปฏิบัติการขณะบินอยู่กลางอากาศ” และกล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า “ศัตรูทั้งสองฝ่ายรบกันจนไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่” ท่าทีของทรัมป์ที่ยุติความรุนแรงโดยไม่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในอิหร่าน สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย เพราะก่อนหน้านี้ ทั้งเขาและนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ต่างเคยแสดงท่าทีต้องการโค่นล้มรัฐบาลอิหร่านอย่างชัดเจน
เนทันยาฮูให้สัมภาษณ์ว่า สงครามครั้งนี้ได้ “ลบล้างภัยคุกคามต่ออิสราเอล ทั้งจากระเบิดนิวเคลียร์และขีปนาวุธกว่า 20,000 ลูก” และย้ำว่าจะไม่ยอมให้เตหะรานรื้อฟื้นโครงการนิวเคลียร์ขึ้นมาได้อีก
ในฝั่งของอิหร่าน ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเกียน ได้กล่าวแสดงชัยชนะเช่นกัน โดยเรียกการสิ้นสุดสงครามครั้งนี้ว่า “ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชนอิหร่าน” พร้อมกับเปิดเผยว่าได้มีการพูดคุยกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย เกี่ยวกับความพร้อมในการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์และลดความตึงเครียดในภูมิภาค
สงครามยังนำไปสู่ความเร่งด่วนภายในอิหร่านในการเตรียมแผนสืบทอดตำแหน่งสูงสุดของประเทศ แหล่งข่าวหลายแห่งรายงานว่า ขณะนี้มีการจับตาไปยัง ฮัสซัน โคมัยนี หลานชายของอายะตุลเลาะห์โคไมนี ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลาม ว่าอาจกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจาก อายะตุลเลาะห์อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันวัย 86 ปี ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองครั้งสำคัญของอิหร่านในรอบหลายทศวรรษ
ในขณะที่ผู้นำโลกกำลังประชุมกันในกรุงเฮกภายใต้กรอบของ NATO ทรัมป์ใช้เวทีนี้เพื่อแสดงบทบาทของเขาในฐานะ “ผู้หยุดสงคราม” และประกาศว่าเขาได้ทำลายภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ที่หลอกหลอนตะวันตกมานานนับทศวรรษ — แม้ความจริงทางยุทธศาสตร์อาจจะซับซ้อนกว่านั้นมาก
แท็ก: อิสราเอล