แม้ไมโครซอฟท์จะลงทุนมหาศาลกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์ใน OpenAI และผลักดัน Copilot เป็นผู้ช่วย AI คู่ใจบนแพลตฟอร์ม Microsoft 365 แต่แผนบุกตลาดองค์กรกลับต้องเจอกับบททดสอบสำคัญ เมื่อพนักงานจำนวนไม่น้อยกลับหันไปใช้ ChatGPT ที่คุ้นมือกว่า ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างพันธมิตรที่อาจกลายเป็นคู่แข่ง

พนักงานเลือกใช้ ChatGPT แทน Copilot

แม้ Copilot จะถูกออกแบบมาเพื่อผสานการใช้งานกับโปรแกรมยอดนิยมอย่าง Word, Excel และ Outlook ได้อย่างแนบเนียน แถมราคาก็ถูกกว่าคู่แข่ง (30 ดอลลาร์/เดือน เทียบกับ 60 ดอลลาร์/เดือนของ ChatGPT Plus) แต่ผลลัพธ์จากหลายองค์กรกลับตรงกันข้าม

ตัวอย่างเช่น Amgen บริษัทผลิตยารายใหญ่ ที่ซื้อ Copilot ให้พนักงานกว่า 20,000 คนใช้ กลับพบว่าหลังใช้งานจริง พนักงานกลับ “แอบ” ใช้ ChatGPT แทน เพราะรู้สึกว่าง่ายกว่า สนุกกว่า และตอบโจทย์งานได้หลากหลายกว่า

เช่นเดียวกับบริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง Bain & Company ที่มีพนักงานใช้ ChatGPT ถึง 16,000 คน ขณะที่ Copilot กลับถูกใช้งานจริงเพียง 2,000 คนเท่านั้น ส่วน New York Life บริษัทประกันชีวิต ก็อยู่ระหว่างทดลองใช้ทั้งสองระบบ แต่พนักงานส่วนใหญ่ก็ยังโอนเอียงไปที่ ChatGPT

Copilot vs ChatGPT: เทคโนโลยีใกล้เคียง แต่ “ประสบการณ์” ต่างกัน

แม้ทั้งสองระบบจะใช้โมเดล GPT-4 เป็นแกนกลางเหมือนกัน แต่ ChatGPT กลับได้เปรียบในเรื่องการเข้าถึงและประสบการณ์ผู้ใช้ เพราะหลายคนเคยใช้ที่บ้านมาก่อน พอเข้าทำงานก็เลือกใช้งานที่คุ้นเคยอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ChatGPT ยังอัปเดตฟีเจอร์ใหม่เร็วกว่า และสามารถตอบคำถาม วิเคราะห์ข้อมูล หรือเขียนโค้ด ได้ในแบบที่เป็นธรรมชาติ ขณะที่ Copilot แม้จะผสานกับเครื่องมือทำงานได้ดี แต่หลายคนมองว่า “เป็นทางการเกินไป ใช้ยากไปหน่อย”

ความสัมพันธ์ที่เปราะบาง: จากพันธมิตรสู่คู่แข่ง?

ไมโครซอฟท์แม้จะถือหุ้นใหญ่ใน OpenAI และนำเทคโนโลยี GPT มาใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน แต่ความสัมพันธ์กลับไม่เรียบง่ายนัก เมื่อมีรายงานว่า OpenAI กำลังซุ่มพัฒนาซอฟต์แวร์สำนักงานแบบครบวงจรใน ChatGPT ซึ่งจะสามารถเขียน แก้ไข และแชร์เอกสารได้ทันทีภายในแชต — ชนตรงกับ Microsoft Office และ Google Workspace

หาก OpenAI ทำสำเร็จ ก็อาจกลายเป็น “ภัยคุกคาม” ที่เติบโตขึ้นจากเงินลงทุนของไมโครซอฟท์เอง

ตลาดเริ่มขยับ นักลงทุนเริ่มมั่นใจ OpenAI

แม้การแข่งขันจะดุเดือด แต่ตลาดหุ้นกลับตอบรับเชิงบวก หุ้นไมโครซอฟท์ขยับขึ้น 0.8% ขณะที่ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ก็ขึ้น 1.4% หลังถูกมองว่ายังแข็งแกร่งในธุรกิจ Search และ YouTube

ในฝั่งนักลงทุนรายย่อย ความเชื่อมั่นใน OpenAI เพิ่มขึ้น โดย ChatGPT รายงานว่ามีผู้ใช้องค์กรแล้วกว่า 3 ล้านราย และมีรายได้ต่อปี (ARR) เกิน 10,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมตั้งเป้าไปที่ 125,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2573

Microsoft ยังไม่ยอมแพ้

แม้จะมีบทเรียนจากหลายองค์กรที่ “เลือก ChatGPT” แต่ไมโครซอฟท์ยังเดินหน้าผลักดัน Copilot อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคว้าดีลกับองค์กรใหญ่อย่าง Barclays, Accenture และ Volkswagen ที่ใช้ Copilot มากกว่า 100,000 คนต่อองค์กร

สัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ ประกาศชัดว่า “เป้าหมายคือให้ผู้ใช้นับร้อยล้านคน ใช้ AI ของไมโครซอฟท์ได้จริงในชีวิตประจำวัน”