Microsoft เปิดตัว AI วิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลใน 365 Copilot เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานองค์กร
วันที่โพสต์: 26 มีนาคม 2568 11:38:01 การดู 2 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
Microsoft ได้เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ใน Microsoft 365 Copilot เพื่อช่วยในการวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก โดยมีสองเครื่องมือหลักคือ Researcher และ Analyst ซึ่งถูกออกแบบมาให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ตรวจสอบความถูกต้อง และสรุปข้อมูลได้อย่างแม่นยำ AI วิจัยเชิงลึกกำลังเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยมีการพัฒนาโมเดลที่สามารถคิดวิเคราะห์และตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ เช่น ChatGPT ของ OpenAI, Gemini ของ Google และ Grok ของ xAI เครื่องมือเหล่านี้ช่วยลดข้อผิดพลาดในการให้ข้อมูล และทำให้ AI สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิจัยเชิงลึก
Researcher ใช้โมเดล AI ขั้นสูงจาก OpenAI พร้อมฟีเจอร์ Deep Search และ Advanced Orchestration ที่สามารถช่วยค้นคว้าข้อมูลได้อย่างครอบคลุม เช่น การวิเคราะห์ตลาด การพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ และการสร้างรายงานเชิงลึก ส่วน Analyst ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนโดยเฉพาะ ขับเคลื่อนด้วยโมเดล o3-mini ของ OpenAI ที่สามารถทำงานวิเคราะห์แบบเป็นขั้นตอน ใช้ภาษา Python ในการประมวลผลข้อมูล และเปิดเผยกระบวนการทำงานให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้
ข้อได้เปรียบของเครื่องมือ AI ใหม่นี้คือความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลทั้งจากอินเทอร์เน็ตและจากระบบภายในองค์กร เช่น Confluence, ServiceNow และ Salesforce ซึ่งช่วยให้ AI สามารถดึงข้อมูลจากหลายแหล่งมาประมวลผลได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของ AI ประเภทนี้ยังคงเป็นเรื่องของความแม่นยำของข้อมูล ปัญหาการอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ผิดพลาด และข้อจำกัดด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลภายในองค์กร
Microsoft ยังได้เปิดตัวโปรแกรม Frontier สำหรับลูกค้า Microsoft 365 Copilot เพื่อให้เข้าถึงเครื่องมือ Researcher และ Analyst ได้ก่อนใคร โดยโปรแกรมนี้จะเริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 การนำ AI มาช่วยในการวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขององค์กรในยุคดิจิทัล ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจทางธุรกิจแม่นยำขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม การพัฒนา AI ให้สามารถลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำของข้อมูลยังคงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเพื่อให้ AI สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ที่มา : techcrunch