Intel ได้แต่งตั้ง Lip-Bu Tan เป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัท หลังจากที่ Pat Gelsinger ประกาศเกษียณและก้าวลงจากตำแหน่งในบอร์ดบริหารเมื่อสามเดือนก่อน ซึ่งระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน David Zinsner ซีเอฟโอของ Intel และ Michelle Johnston Holthaus รองประธานบริหารฝ่ายลูกค้า ได้รับบทบาทเป็นซีอีโอร่วมชั่วคราว การมาของ Tan ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของ Intel ที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Tan เคยเป็นซีอีโอของ Cadence Design Systems และเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์สูงในวงการชิป ซึ่งอาจช่วยให้ Intel สามารถกลับมาแข่งขันได้อีกครั้งหลังจากที่บริษัทประสบปัญหาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ย้อนกลับไปในปี 2021 เมื่อ Gelsinger ก้าวเข้ามาเป็นซีอีโอ Intel กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก บริษัทสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตชิปให้กับ TSMC และ AMD นอกจากนี้ Intel ยังพลาดโอกาสครั้งสำคัญจากยุคสมาร์ตโฟน ส่งผลให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดและต้องเผชิญกับความท้าทายจากคู่แข่งรายอื่น การก้าวเข้ามาของ Gelsinger ในขณะนั้นทำให้เกิดความคาดหวังว่าเขาจะสามารถนำพา Intel กลับมาสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จได้ เขาได้เปิดตัวแผน IDM (Integrated Device Manufacturing) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การผลิตชิปแบบครบวงจร โดยในระยะแรกของโครงการนี้ Intel ประกาศลงทุนกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปสองแห่งในรัฐแอริโซนา พร้อมขยายศักยภาพการผลิตทั้งในสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ

ในปี 2022 Intel ได้เปิดตัว IDM 2.0 ซึ่งเป็นแผนที่มีเป้าหมายหลักสามประการ ได้แก่ การผลิตชิปในโรงงานของ Intel เอง การใช้โรงงานของผู้ผลิตภายนอก เช่น TSMC และการพัฒนา Intel Foundry Services เพื่อเปิดให้บริษัทอื่นสามารถใช้บริการผลิตชิปของ Intel ได้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงการนี้ Intel ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ Tower Semiconductor มูลค่า 5.4 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวถูกยกเลิกในปี 2023 เนื่องจากเผชิญกับปัญหาด้านกฎระเบียบ ทำให้แผนการพัฒนาโรงงานของ Intel ต้องหยุดชะงักไปบางส่วน

แม้ว่า Gelsinger จะพยายามปรับโครงสร้างของ Intel และพัฒนาแผนกลยุทธ์ใหม่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ตั้งแต่ต้นปี 2024 ราคาหุ้นของ Intel ร่วงลงถึง 50% และบริษัทต้องเผชิญกับการปลดพนักงานครั้งใหญ่ถึง 15,000 คน หรือคิดเป็น 15% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการไตรมาสที่สองที่ตกต่ำ Gelsinger ยอมรับว่า Intel ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกระแส AI Boom ได้เหมือนกับ Nvidia และ AMD โดยคู่แข่งของ Intel สามารถพัฒนาและจำหน่ายชิป AI ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าได้ ขณะที่ Intel กลับยังคงติดอยู่กับปัญหาโครงสร้างภายในและต้นทุนการดำเนินงานที่สูงเกินไป

หลังจากที่ Gelsinger ก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2024 Intel ได้ประกาศเลื่อนแผนเปิดโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในโอไฮโอออกไปอีกครั้ง และยกเลิกโครงการพัฒนา Falcon Shores AI Chip ซึ่งเดิมทีตั้งใจให้เป็นคู่แข่งกับ Nvidia การเลื่อนและยกเลิกโครงการสำคัญเหล่านี้ยิ่งทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของ Intel ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มีการแข่งขันสูง

แม้ว่าภาพรวมของ Intel ดูเหมือนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่การเข้ามาของ Lip-Bu Tan อาจช่วยเปลี่ยนทิศทางของบริษัทไปในทางที่ดีขึ้น Tan เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเซมิคอนดักเตอร์และเป็นนักลงทุนที่มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการนำ Intel กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ ข่าวดีสำหรับ Intel คือ ในปี 2025 บริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อรับเงินอุดหนุนกว่า 7.865 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้โครงการ CHIPS and Science Act ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศสหรัฐฯ โดยในไตรมาสที่สี่ของปี 2024 Intel ได้รับเงินไปแล้ว 2.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจช่วยให้บริษัทสามารถฟื้นตัวได้บางส่วน นอกจากนี้ Intel ยังได้รับความนิยมจากการเปิดตัว Intel Arc B580 GPU ซึ่งขายหมดเกลี้ยงหลังจากเปิดตัว และได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากผู้ใช้งาน

อนาคตของ Intel ภายใต้การนำของ Lip-Bu Tan ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจาก Nvidia, AMD, TSMC และ Samsung ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หาก Tan สามารถวางกลยุทธ์ที่ถูกต้องและนำ Intel กลับมาสู่เส้นทางเดิมได้ บริษัทอาจมีโอกาสทวงคืนตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อีกครั้ง

ที่มา : techcrunch