ผลการศึกษาคุณภาพรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยปี 2568 โดย J.D. Power ร่วมกับบริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล เผยว่า ผู้ใช้รถในไทยรายงานการพบปัญหาคุณภาพรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 89% จาก 81% ในปีก่อน โดยระบบอินโฟเทนเมนท์กลายเป็นหมวดที่ผู้ใช้พบปัญหามากที่สุด สะท้อนความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาคุณภาพรถยนต์ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

ผลสำรวจระบุว่า เจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) รายงานปัญหาเฉลี่ย 179 จุดต่อรถยนต์ 100 คัน (PP100) ใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไปที่มีค่าเฉลี่ย 177 จุดต่อ 100 คัน โดย NEVs พบปัญหาหลักในระบบอินโฟเทนเมนท์และระบบปรับอากาศ ขณะที่รถทั่วไปมักเจอปัญหาที่เบาะนั่ง ภายนอกตัวถัง และภายในห้องโดยสาร

นายไชยวัฒน์ เกษาพร ผู้จัดการโครงการอาวุโสจาก Differential ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ใช้รถรุ่นใหม่มักคาดหวังการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนที่ไร้รอยต่อ แต่ระบบอินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์หลายรุ่นยังไม่ตอบโจทย์ โดยปัญหาหลัก ได้แก่ การเชื่อมต่อบลูทูธขาดตอน ช่องชาร์จไฟไม่เพียงพอ ความเร็วในการชาร์จต่ำ และการตอบสนองของหน้าจอสัมผัสไม่ดีพอ

สำหรับรถยนต์ที่ได้คะแนนคุณภาพดีที่สุดในแต่ละกลุ่ม ได้แก่

  • Toyota Yaris Ativ (รถขนาดเล็ก) – 166 PP100

  • Honda City e:HEV Hatchback (รถขนาดกลางระดับต้น) – 167 PP100

  • Toyota Yaris Cross (SUV ขนาดเล็ก) – 165 PP100

  • Toyota Fortuner (SUV ขนาดใหญ่) – 170 PP100

  • Mitsubishi Xpander (MPV) – 178 PP100

  • Isuzu D-MAX Spark (กระบะตอนเดียว) – 173 PP100

  • Toyota Hilux REVO Prerunner Smart Cab / Smart Cab (กระบะตอนขยาย) – 188 PP100

  • Mitsubishi Triton + D-Cab (กระบะสี่ประตู) – 165 PP100

  • BYD Dolphin (รถพลังงานใหม่) – 167 PP100

  • BYD Atto 3 (NEV SUV) – 180 PP100

นายอัตสึชิ คาวาฮาชิ ผู้อำนวยการอาวุโสจาก J.D. Power ประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า ข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงคุณภาพได้ตรงจุด ซึ่งไม่เพียงเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า แต่ยังเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ เพิ่มมูลค่าขายต่อ และลดต้นทุนการรับประกันในระยะยาว

การศึกษาครั้งนี้จัดทำจากแบบสอบถามของผู้ใช้รถใหม่ 4,721 ราย ครอบคลุมรถยนต์ 55 รุ่นจาก 14 แบรนด์ใหญ่ทั่วไทย โดยฉบับที่ 2 ของรายงานนี้จะเปิดเผยในไตรมาส 4 ปี 2568