Google Gemini การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ AI เชิงกำเนิดที่ครอบคลุมแอปและบริการ
วันที่โพสต์: 27 กุมภาพันธ์ 2568 20:52:24 การดู 0 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
Google กำลังพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย Gemini ชุดโมเดล AI เชิงกำเนิดที่ครอบคลุมทั้งแอปและบริการ แต่จริงๆ แล้ว Gemini คืออะไร? ใช้งานอย่างไร? และเปรียบเทียบกับเครื่องมือ AI อื่นๆ อย่าง ChatGPT ของ OpenAI, Llama ของ Meta และ Copilot ของ Microsoft ได้อย่างไร?
Gemini เป็นโมเดล AI เจเนอเรชันใหม่ของ Google ที่ได้รับการพัฒนาโดย DeepMind และ Google Research ออกแบบให้รองรับการทำงานหลายรูปแบบ (multimodal) ซึ่งหมายความว่ามันสามารถประมวลผลและสร้างผลลัพธ์จากข้อมูลประเภทต่างๆ ไม่ใช่แค่ข้อความเพียงอย่างเดียว โมเดลนี้มีหลายเวอร์ชันเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ได้แก่
- Gemini Ultra โมเดลขนาดใหญ่ที่สุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
- Gemini Pro โมเดลขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยเวอร์ชันล่าสุดคือ Gemini 2.0 Pro Experimental
- Gemini Flash เวอร์ชันที่เน้นความเร็ว มีรุ่นย่อยที่เล็กลงและเร็วขึ้น เช่น Flash-Lite และ Flash Thinking Experimental ที่เน้นด้านการวิเคราะห์
- Gemini Nano โมเดลขนาดเล็กที่ทำงานได้แม้ออฟไลน์ มีสองเวอร์ชันคือ Nano-1 และ Nano-2
สิ่งที่ทำให้ Gemini แตกต่างจากโมเดล AI รุ่นก่อน เช่น LaMDA ของ Google เอง คือความสามารถในการประมวลผลข้อมูลหลายประเภท เช่น เสียง รูปภาพ วิดีโอ และโค้ด นอกจากนี้ Google ยังนำ Gemini ไปผสานกับแอปพลิเคชันและบริการต่างๆ อย่าง Gmail, Docs, Sheets, Slides, Meet และ Drive ผ่านแผนสมาชิก Google One AI Premium Plan ซึ่งมีค่าบริการ $20 ต่อเดือน
Gemini ยังมีบทบาทในอุปกรณ์สมาร์ตโฟน เช่น แอป Gemini บน Android ที่มาแทน Google Assistant และรองรับการสั่งงานผ่านเสียงหรือข้อความ นอกจากนี้ยังมี Gemini Advanced ที่เพิ่มความสามารถให้กับแอปด้วยฟีเจอร์เสริม เช่น การวิเคราะห์เชิงลึก การเขียนโค้ด Python ภายใน Gemini และการจัดการบทสนทนาแบบยาวที่ครอบคลุมเนื้อหาหลายแสนคำ
นอกจากการรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์ของ Google แล้ว Gemini ยังขยายไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ผ่านแผน Gemini Business และ Gemini Enterprise สำหรับองค์กร ซึ่งเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ในด้านการสร้างเนื้อหา Gemini ใช้โมเดล Imagen 3 สำหรับการสร้างภาพ ซึ่ง Google อ้างว่ามีความแม่นยำและความคิดสร้างสรรค์ที่ดีกว่ารุ่นก่อน อย่างไรก็ตาม การสร้างภาพของ Gemini เคยมีปัญหาด้านความแม่นยำในประวัติศาสตร์จนต้องหยุดให้บริการชั่วคราวก่อนจะกลับมาเปิดใช้งานอีกครั้งในเวอร์ชันทดลอง
Google ยังได้พัฒนา Gemini Live สำหรับการสนทนาด้วยเสียงแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีเป้าหมายให้สามารถพูดคุยโต้ตอบได้เป็นธรรมชาติ และในอนาคตอาจรองรับการจดจำภาพและวิดีโอจากกล้องสมาร์ตโฟนเพื่อให้การตอบสนองสมจริงยิ่งขึ้น
การพัฒนา Gemini ยังคงเดินหน้าต่อไป โดย Google ตั้งเป้าที่จะทำให้โมเดล AI นี้มีบทบาทในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การพัฒนาแอป การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไปจนถึงการค้นคว้าวิจัย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี AI ยังมีข้อจำกัด เช่น อคติในการเรียนรู้ของโมเดล และความเสี่ยงของข้อมูลที่ผิดพลาด ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังต้องได้รับการแก้ไขต่อไป
แท็ก: Google Gemini Google Gemini