iOS 18.2 อาจมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ‘BatteryIntelligence’ สำหรับการจัดการแบตเตอรี่

Apple ได้เปิดตัว iOS 18.2 beta 2 ให้กับนักพัฒนาเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยคาดการณ์ว่าเวอร์ชันเสถียรจะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในเดือนหน้า ในการอัปเดตนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกค้นพบโดยทีมงานจาก 9to5Mac ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เน้นการจัดการและการใช้งานแบตเตอรี่ที่เรียกว่า BatteryIntelligence นี่เป็นการต่อยอดจากฟีเจอร์การจัดการแบตเตอรี่ที่ Apple เคยปล่อยออกมาในอุปกรณ์ iPhone มาก่อนหน้านี้ เช่น การชาร์จแบบปรับปรุง (Optimized Battery Charging) เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว

ไฮไลต์สำคัญ

• ฟีเจอร์ใหม่ BatteryIntelligence คาดว่าจะถูกปล่อยในอัปเดต iOS ถัดไป
• เหมาะสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ต้องการพลังงานเพิ่มเติมในช่วงเวลาสั้น ๆ
• เทคโนโลยี AI ช่วยคาดการณ์เวลา ชาร์จแบตเตอรี่ของ iPhone โดยอิงจากพลังงานที่อุปกรณ์ได้รับ

ฟีเจอร์ BatteryIntelligence คืออะไร?

‘BatteryIntelligence’ เป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ใช้ทราบถึงเวลาที่ต้องใช้ในการชาร์จ iPhone ให้เต็ม โดยฟีเจอร์นี้จะใช้ข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานที่อุปกรณ์ได้รับระหว่างการชาร์จ เพื่อประเมินเวลาในการชาร์จอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการได้ และระบบจะปรับการคาดการณ์ให้เหมาะสมกับระดับนั้น ๆ แม้ว่าฟีเจอร์นี้ยังไม่สมบูรณ์และยังไม่เปิดใช้งานในเวอร์ชันเบต้า แต่มีแนวโน้มสูงที่ Apple จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน iOS เวอร์ชันถัดไป

ฟีเจอร์นี้ยังมีความคล้ายคลึงกับระบบการคาดการณ์การชาร์จบน macOS สำหรับ MacBook ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูเวลาที่คาดว่าจะชาร์จจนเต็มได้โดยตรงจากไอคอนแบตเตอรี่ในแถบเมนูเมื่อเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟ นับเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Apple นำมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานสำหรับผู้ใช้ iPhone

ฟีเจอร์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่อื่น ๆ ใน iOS 18.2

Apple ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากอุปกรณ์ของตน โดย iOS 18.2 จะนำฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพแบตเตอรี่มาใช้ เช่น

1. Optimized Battery Charging – ฟีเจอร์นี้ช่วยลดการชาร์จเกินในระยะยาว ซึ่งจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น โดยระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมการชาร์จของผู้ใช้และหยุดการชาร์จที่ 80% เมื่อต้องชาร์จค้างไว้นาน เช่นในตอนกลางคืน และจะค่อย ๆ ชาร์จให้เต็ม 100% ก่อนผู้ใช้เริ่มใช้ iPhone ในช่วงเช้า
2. การใช้ชาร์จช้า – ระบบการชาร์จแบบช้า (Slow Charging) เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่สามารถตั้งค่าได้เพื่อช่วยรักษาแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพดี โดยการลดความเร็วการชาร์จลงในบางสถานการณ์ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้พลังงานสูงเมื่อชาร์จในช่วงเวลาที่ไม่เร่งด่วน
3. การแสดง Cycle Count ของแบตเตอรี่ – Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถเช็ก cycle count ของแบตเตอรี่ได้โดยตรงจากการตั้งค่า ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามการชาร์จของแบตเตอรี่ได้ว่าใช้งานไปกี่รอบแล้ว (1 รอบ คือการใช้แบตเตอรี่เต็มจาก 100% ถึง 0%) และช่วยให้คาดการณ์ได้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือยัง

การรวมระบบ AI อัจฉริยะและฟีเจอร์ใหม่อื่น ๆ ใน iOS 18.2

นอกจากฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่แล้ว Apple ยังเตรียมปล่อยฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 18.2 ที่ใช้ Apple Intelligence เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Siri และระบบปฏิบัติการให้ดียิ่งขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่ ๆ ใน iOS 18.2 จะมี

• การรวม ChatGPT ใน Siri – Siri จะได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จาก ChatGPT ช่วยให้ Siri สามารถตอบคำถามได้แม่นยำและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
• Genmoji – ผู้ใช้จะสามารถสร้างตัวละคร Genmoji ที่มีรายละเอียดสูงและสามารถใช้งานได้ในหลากหลายแอปพลิเคชัน รวมถึงการแชร์กับผู้ใช้คนอื่น ๆ ผ่านแอปแชต
• Image Playground และ Image Wand – เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้แก้ไขและจัดการรูปภาพได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟิลเตอร์หรือลบส่วนที่ไม่ต้องการ
• Visual Intelligence – ฟีเจอร์ที่ใช้ AI ช่วยในการจดจำรูปภาพและวัตถุภายในรูป ซึ่งสามารถใช้งานได้ในแอปรูปภาพและการค้นหาภาพ
• เครื่องมือเขียน (Writing Tools) – Apple เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Notes และแอปที่เกี่ยวข้องกับการเขียน โดยจะมี AI ช่วยให้การเขียนมีความสะดวกและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

การเปิดตัวและกำหนดการอัปเดต

สำหรับ iOS 18.2 รุ่นเสถียร คาดว่า Apple จะเปิดให้ดาวน์โหลดได้อย่างเป็นทางการในช่วงเดือนหน้า ผู้ใช้จะได้รับฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้เมื่ออัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ นอกจากนี้ Apple ยังคงมีนโยบายอัปเดตความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ iPhone ได้รับการป้องกันจากมัลแวร์และภัยคุกคามใหม่ ๆ อยู่เสมอ

Apple ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการและรักษาแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องใช้งาน iPhone ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการแบตเตอรี่ในระยะเวลาสั้น ๆ และเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์จะทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ