ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น: การเติบโตต่อเนื่องและการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับธุรกิจ
วันที่โพสต์: 6 พฤศจิกายน 2567 23:10:06 การดู 13 ครั้ง
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีผลกำไรสุทธิหลังปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit After Tax) จำนวน 3.1 พันล้านบาท และ EBITDA เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งมีสาเหตุจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการได้รับผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ (Synergy) รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพผ่านการพัฒนาเครือข่ายและการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อยกระดับการบริการลูกค้าและประสิทธิภาพการดำเนินงาน
นาย มนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหารของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้กล่าวว่า ผลประกอบการที่เติบโตนี้เกิดขึ้นแม้ในช่วงที่มีความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและภูมิภาค รวมถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แต่บริษัทสามารถรับมือได้ด้วยความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและความพร้อมในการพัฒนาโครงข่ายที่ทันสมัยเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้ความสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังได้ลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาทในการพัฒนาเครือข่าย ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วมากกว่า 10,000 สถานีจากทั้งหมด 17,000 สถานี โดยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าอย่างลึกซึ้งและเพื่อสร้างบริการใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ได้นำแผนการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible AI) มาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้เทคโนโลยี AI เป็นไปอย่างมีจริยธรรมและตรงตามมาตรฐานสากล
สำหรับด้านจำนวนผู้ใช้บริการในไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่าผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลงสุทธิ 1.2 ล้านเลขหมาย หรือ 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ผู้ใช้บริการ 5G เพิ่มขึ้น 5.4% โดยมียอดผู้ใช้บริการ 5G รวม 12.4 ล้านราย ส่วนผู้ใช้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้น 0.6% และมีจำนวนผู้ใช้บริการระบบรายเดือนที่ 15.2 ล้านราย และผู้ใช้บริการระบบเติมเงินที่ 34.1 ล้านราย นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ โดยการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ
ในด้านการเงิน ทรู คอร์ปอเรชั่นมียอดรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) จำนวน 41,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนรายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 50,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และออนไลน์ ขณะเดียวกันบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) ลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) ไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 9,919 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัยและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบริการลูกค้า
นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังบันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time costs) จากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนในกระบวนการพัฒนาเครือข่าย จำนวน 3,917 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีขาดทุน 810 ล้านบาท ซึ่งเมื่อปรับปรุงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวแล้ว กำไรสุทธิหลังหักภาษีอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปี 2567 จะมีรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) เติบโต 4-5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ EBITDA จะเติบโต 12-14% โดยจะมีกำไรสุทธิหากไม่รวมการตัดจำหน่ายสินทรัพย์เครือข่ายที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย และแนวโน้มการลงทุนยังคงมุ่งเน้นที่ 30,000 ล้านบาทในปี 2567 เพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน