ผลกระทบจากภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์

การศึกษาหลายชิ้นระบุว่า ภาษีนำเข้าที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มบังคับใช้ในปี 2018 ส่งผลให้ผู้บริโภคและธุรกิจในสหรัฐฯ ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแทบทั้งหมด แทนที่จะเป็นผู้ผลิตต่างชาติที่ต้องรับภาระภาษีนี้

ภาษีนำเข้าคือภาษีที่รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า ชิ้นส่วนรถยนต์ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนี้มักจะถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคในรูปแบบของราคาสินค้าที่สูงขึ้น

ตัวอย่างเช่น ซีอีโอของ AutoZone, Philip Daniele ได้กล่าวว่าหากมีภาษีนำเข้า บริษัทจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทมักจะปรับราคาล่วงหน้าทันทีเมื่อทราบถึงภาษีนำเข้าที่ต้องจ่าย

หากทรัมป์ได้รับเลือกอีกครั้ง เขาเสนอที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าครอบคลุมสินค้าทุกชนิดในอัตรา 20% และสำหรับสินค้าจากจีนและประเทศอื่น ๆ สูงสุดถึง 60% การคาดการณ์จากสถาบัน Peterson Institute for International Economics ชี้ว่า ภาษีดังกล่าวอาจทำให้ครัวเรือนรายได้ปานกลางในสหรัฐฯ ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 2,600 ดอลลาร์ต่อปี

แม้ว่าภาษีนำเข้าจะมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ ย้ายฐานการผลิตกลับมาสู่สหรัฐฯ แต่ด้วยต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ ที่สูง จึงเป็นไปได้ว่าสินค้าในตลาดอาจมีราคาแพงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น