สหรัฐฯ เตือนการมีอยู่ของทหารเกาหลีเหนือในรัสเซีย ขณะมอสโกถูกกล่าวหาละเมิดกฎระเบียบสหประชาชาติ

ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับการมีอยู่ของทหารเกาหลีเหนือในรัสเซีย โดยระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนือประมาณ 8,000 นายประจำการในภูมิภาคคูร์สก์ของรัสเซีย ข้อความนี้ถูกกล่าวถึงโดย โรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม

วูดได้ตั้งคำถามกับตัวแทนจากรัสเซียว่า รัสเซียยังคงยืนยันหรือไม่ว่ามีทหารจากเกาหลีเหนืออยู่ในประเทศของตน โดยอ้างถึงชื่อทางการของเกาหลีเหนือคือ สาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเกาหลี อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากรัสเซียไม่ตอบสนองต่อคำถามนี้ สถานการณ์นี้ทำให้เกิดข้อกังวลว่า การมีอยู่ของทหารเกาหลีเหนือในรัสเซียนั้นอาจทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคที่มีปัญหาหลายด้านอยู่แล้ว

ในขณะเดียวกัน รัสเซียถูกกล่าวหาว่าละเมิดมติของสหประชาชาติ ด้วยการให้การสนับสนุนทางทหารแก่เกาหลีเหนือ ซึ่งอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากสหประชาชาติที่มีวัตถุประสงค์เพื่อยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ และยูเครน ต่างก็ออกมาเรียกร้องให้รัสเซียหยุดการกระทำนี้ เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อความมั่นคงในยุโรปตะวันออก

การยืนยันจากยูเครนว่ามีทหารเกาหลีเหนือในรัสเซียได้เพิ่มความตึงเครียดขึ้นอีก เนื่องจากยูเครนได้ตั้งชื่อพลเอกเกาหลีเหนือสามนายที่กล่าวว่ามีส่วนร่วมกับทหารของประเทศเอเชียในรัสเซีย โดยมีการส่งทหารไปสนับสนุนการปฏิบัติการของรัสเซีย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการละเมิดกฎระเบียบระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ สหรัฐฯ และจีนยังมีการเถียงกันในคณะมนตรีความมั่นคงเกี่ยวกับการสนับสนุนของจีนต่อรัสเซีย โดยวูดกล่าวว่า การสนับสนุนของจีนทำให้สงครามในยูเครนยืดเยื้อ และเป็นการส่งเสริมให้รัสเซียสามารถทำสงครามต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่จีนยืนยันว่าไม่ได้จัดหาอาวุธให้กับฝ่ายใดในความขัดแย้ง และได้จัดการผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้สองทางตามกฎระหว่างประเทศ

การเถียงกันในคณะมนตรีความมั่นคงแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนในปัจจุบัน โดยที่สหรัฐฯ และพันธมิตรมีความกังวลต่อการขยายตัวของอิทธิพลของรัสเซียและเกาหลีเหนือ ขณะที่จีนมองว่าการมีส่วนร่วมของตนในภูมิศาสตร์นี้เป็นการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพ

ด้วยเหตุนี้ การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงที่จัดขึ้นล่าสุดจึงเป็นการเรียกร้องให้มีการหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาและหามาตรการที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต ข้อเสนอและการประนีประนอมอาจจำเป็นเพื่อให้สามารถฟื้นฟูความมั่นคงในภูมิภาคได้ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความตึงเครียดและไม่แน่นอน

การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ทำให้เกิดความวิตกกังวลในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ การมีส่วนร่วมของทหารเกาหลีเหนือในรัสเซียจะทำให้เกิดการตอบโต้จากประเทศตะวันตกที่อาจมีการเรียกร้องให้มีการประชุมเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ และอาจนำไปสู่การพิจารณามาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซียและเกาหลีเหนือในอนาคต

แหล่งที่มาข่าว : reuters