พยากรณ์อากาศประเทศไทยประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2567 เตรียมรับมือฝนตกหนักทั่วประเทศ
วันที่โพสต์: 20 ตุลาคม 2567 09:27:01 การดู 24 ครั้ง
วันที่ 20 ตุลาคม 2567 กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนประชาชนทั่วประเทศให้เตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวน โดยคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า สถานการณ์นี้อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ลาดเชิงเขาและที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ
สภาพอากาศทั่วไป
ทั่วทั้งประเทศไทยจะประสบกับสภาวะฝนฟ้าคะนอง โดยมีความรุนแรงแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ด้วยปริมาณฝนที่คาดว่าจะตกหนักถึงหนักมาก ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออกก็จะมีฝนตกหนักเช่นกัน แต่อาจจะไม่รุนแรงเท่า
ทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีคลื่นลมปานกลาง โดยทั่วไปคลื่นจะสูงประมาณ 1-2 เมตร แต่ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นอาจสูงเกิน 2 เมตรได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเรือขนาดเล็ก
ภาคเหนือ
ภาคเหนือจะมีฝนฟ้าคะนองกระจายตัวประมาณ 60% ของพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดตากและกำแพงเพชรที่อาจเกิดฝนตกหนัก นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเกิดลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลให้ต้นไม้หรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ล้มได้ อุณหภูมิจะอยู่ในช่วง 22-33°C โดยพื้นที่ภูเขาอาจมีอากาศเย็นกว่านี้ ลมตะวันออกจะพัดด้วยความเร็ว 10-15 กม./ชม. ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเย็นลงเล็กน้อย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคอีสานจะมีฝนฟ้าคะนองน้อยกว่าภาคอื่นๆ โดยคาดว่าจะมีฝนประมาณ 40% ของพื้นที่ อย่างไรก็ตาม จังหวัดนครราชสีมาและบุรีรัมย์อาจเผชิญกับฝนตกหนักเป็นบางแห่ง ประชาชนในพื้นที่เหล่านี้ควรระมัดระวังน้ำท่วมขังบนถนนซึ่งอาจทำให้การจราจรติดขัด อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 23-34°C ลมตะวันออกจะพัดด้วยความเร็ว 10-20 กม./ชม. ซึ่งอาจช่วยบรรเทาความร้อนในช่วงกลางวันได้บ้าง
ภาคกลาง
ภาคกลางจะมีฝนฟ้าคะนองแผ่กระจายถึง 70% ของพื้นที่ โดยจังหวัดที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม เนื่องจากมีโอกาสเกิดฝนตกหนัก ประชาชนในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำควรติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมอพยพหากจำเป็น อุณหภูมิจะอยู่ในช่วง 23-33°C ลมตะวันออกจะพัดด้วยความเร็ว 10-20 กม./ชม. ซึ่งอาจพัดพาความชื้นเข้ามาเพิ่มโอกาสการเกิดฝน
ภาคตะวันออก
ภาคตะวันออกจะมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจมีฝนตกหนักเป็นบางแห่ง ชาวประมงและผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งควรระมัดระวังคลื่นลมแรง โดยทะเลจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และอาจสูงถึง 2 เมตรในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 23-33°C ลมตะวันออกจะพัดแรงด้วยความเร็ว 15-30 กม./ชม. ซึ่งอาจส่งผลให้รู้สึกหนาวเย็นลงในช่วงกลางคืน
ภาคใต้
ภาคใต้จะได้รับผลกระทบจากฝนมากที่สุด โดยแบ่งเป็นสองฝั่ง:
ฝั่งตะวันออก
จะมีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ โดยจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานีอาจมีฝนตกหนักเป็นบางแห่ง ลมจะมีความแปรปรวนในพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้นไป โดยมีความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจะมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดด้วยความเร็วเท่ากัน
ฝั่งตะวันตก
จะมีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ แต่จะรุนแรงกว่าฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะในจังหวัดระนองและพังงาที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ประชาชนในพื้นที่ควรระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่เชิงเขา ลมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดแรงด้วยความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นไป
ทั้งสองฝั่งจะมีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 23-33°C และทะเลจะมีคลื่นสูง 1-2 เมตร โดยอาจสูงกว่า 2 เมตรในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
เมืองหลวงและพื้นที่โดยรอบจะมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ พร้อมโอกาสเกิดฝนตกหนักเป็นบางแห่ง ประชาชนควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเนื่องจากอาจเกิดน้ำท่วมขังบนถนนสายหลัก อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 24-32°C ลมตะวันออกจะพัดด้วยความเร็ว 10-20 กม./ชม. ซึ่งอาจช่วยลดมลพิษทางอากาศลงได้บ้าง
คำแนะนำและข้อควรระวัง
1. ติดตามข่าวสารและประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
2. เตรียมพร้อมอพยพหากอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมหรือดินถล่ม
3. หลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
4. ระวังอันตรายจากสิ่งของที่อาจหล่นหรือพังทลายจากแรงลมและฝน
5. ชาวประมงและผู้ที่ต้องเดินเรือควรตรวจสอบสภาพเรือและอุปกรณ์ความปลอดภัยให้พร้อมใช้งาน
6. เกษตรกรควรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตที่พร้อมเก็บเกี่ยวและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพืชผล
7. ผู้ที่อาศัยในอาคารสูงควรระวังอันตรายจากวัตถุที่อาจปลิวมาจากที่สูง
สภาพอากาศที่แปรปรวนนี้คาดว่าจะคงอยู่ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ประชาชนควรติดตามพยากรณ์อากาศอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ