อินเดีย-ปากีสถานเปิดฉากยุทธการโดรนครั้งแรก สะท้อนสมรภูมิอนาคตในเอเชียใต้
วันที่โพสต์: 27 พฤษภาคม 2568 13:59:59 การดู 1 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
นิวเดลี/อิสลามาบัด – เกิดเหตุปะทะทางทหารระหว่างอินเดียและปากีสถานในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองประเทศใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ในการสู้รบกันอย่างเป็นรูปธรรม เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 8 พฤษภาคม ท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือเมืองจัมมูของอินเดียเต็มไปด้วยแสงจากกระสุนของระบบป้องกันภัยทางอากาศซึ่งตอบโต้โดรนที่บินเข้ามาจากฝั่งปากีสถาน หลังจากที่วันก่อนหน้านั้น นิวเดลีได้โจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายในปากีสถาน เพื่อตอบโต้เหตุโจมตีในแคชเมียร์เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่คร่าชีวิตนักท่องเที่ยวอินเดีย 26 ราย
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า ปากีสถานตอบโต้ด้วยการส่งฝูงโดรนกว่า 300 ลำกระจายตามแนวชายแดนระยะทางกว่า 1,700 กิโลเมตร เพื่อทดสอบและกดดันระบบป้องกันของอินเดีย ขณะที่อินเดียเองก็ส่ง UAV ทั้งจากอิสราเอล โปแลนด์ และที่ผลิตในประเทศเข้าไปในน่านฟ้าปากีสถานเพื่อโจมตีเป้าหมายที่ถูกระบุว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางทหารและกลุ่มติดอาวุธ ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างว่าได้รับชัยชนะจากการปฏิบัติการในรูปแบบใหม่นี้
แม้จะเกิดการหยุดยิงหลังสหรัฐฯ เข้ามาเป็นคนกลาง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทั้งอินเดียและปากีสถานเร่งพัฒนาเทคโนโลยีโดรนเพื่อเตรียมรับมือการสู้รบในอนาคต โดยอินเดียเตรียมจัดสรรงบประมาณกว่า 470 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับลงทุนในเทคโนโลยี UAV ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งมากกว่าช่วงก่อนความขัดแย้งถึงสามเท่า พร้อมทั้งอนุมัติงบฉุกเฉินด้านการทหารเพิ่มเติมอีกกว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ฝั่งปากีสถานซึ่งมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ กำลังเร่งความร่วมมือกับจีนและตุรกี โดยเฉพาะการผลิตโดรน YIHA-III ในประเทศผ่านโครงการร่วมกับบริษัท Baykar ของตุรกี ซึ่งสามารถประกอบโดรนได้ภายใน 2-3 วันต่อหนึ่งลำ
การสู้รบด้วยโดรนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มใหม่ในยุทธศาสตร์ทางทหาร ซึ่งเน้นความแม่นยำ ความเร็ว และลดความเสี่ยงต่อบุคลากรในสนามรบ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้การใช้ UAV จะลดความเสี่ยงต่อการปะทะในวงกว้าง แต่ก็มีโอกาสก่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หากเป้าหมายเป็นพื้นที่ประชากรหนาแน่นหรือเขตพิพาท
อินเดียยังคงประสบปัญหาการพึ่งพาชิ้นส่วนจากจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของปากีสถาน โดยเฉพาะแม่เหล็กและแบตเตอรี่ลิเธียมที่ใช้ใน UAV ทำให้เกิดความกังวลว่าหากเกิดความตึงเครียดรุนแรง จีนอาจใช้มาตรการควบคุมการส่งออกเพื่อลดขีดความสามารถของอินเดียในสนามรบ นักวิเคราะห์มองว่าแนวทางแก้ไขต้องอาศัยการกระจายห่วงโซ่อุปทานในระยะยาว ซึ่งไม่อาจดำเนินการได้ในเวลาอันสั้น
ความตึงเครียดระหว่างสองชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ในเอเชียใต้ครั้งนี้ อาจไม่ได้จุดชนวนสู่สงครามเต็มรูปแบบ แต่ได้เปิดฉากการแข่งขันครั้งใหม่ในสนามรบไร้คนขับ ที่ทั้งโลกกำลังจับตามอง
ที่มา : reuters