กรุงเทพฯ 23 พฤษภาคม 2568 – กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัยสภาพอากาศระยะ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วประเทศจะมีฝนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมเตือนประชาชนในหลายพื้นที่ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากที่อาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาและลุ่มน้ำต่ำ

สาเหตุของสภาพอากาศลักษณะนี้ เกิดจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ปกคลุมบริเวณทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ตอนบน ทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่องหลายพื้นที่

เตือนชาวเรือ – คลื่นลมแรงในทะเลอันดามัน

สำหรับพื้นที่ทางทะเล โดยเฉพาะทะเลอันดามันตอนบน คลื่นลมมีกำลังแรงขึ้น โดยคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และสูงมากกว่า 2 เมตรในบริเวณที่เกิดฝนฟ้าคะนอง ขณะที่ทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ทางด้านอ่าวไทยตอนล่างก็มีคลื่นสูงเช่นกัน กรมอุตุนิยมวิทยาแนะนำให้เรือเล็กหลีกเลี่ยงการออกจากฝั่งในช่วงนี้ พร้อมเตือนเรือทุกขนาดให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือผ่านพื้นที่มีฝนฟ้าคะนอง

รายละเอียดพยากรณ์รายภาค:

  • ภาคเหนือ: มีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และตาก อุณหภูมิสูงสุด 33-37°C

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: มีฝนฟ้าคะนอง 70% และฝนตกหนักบริเวณอุบลราชธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง

  • ภาคกลาง: ฝนฟ้าคะนอง 60% มีฝนตกหนักในจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และลพบุรี

  • ภาคตะวันออก: มีฝนฟ้าคะนอง 70% และฝนตกหนักในระยอง จันทบุรี และตราด คลื่นทะเลสูงมากกว่า 2 เมตรในพื้นที่ฝนตกหนัก

  • ภาคใต้ฝั่งตะวันออก: ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช

  • ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: มีฝนฟ้าคะนอง 70% และฝนตกหนักถึงหนักมากในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา คลื่นทะเลสูงถึง 2 เมตร

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ พร้อมมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุดไม่เกิน 35°C

ข้อแนะนำ:
ประชาชนควรติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนัก เกษตรกรควรระบายน้ำออกจากแปลงเพาะปลูกอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตและสัตว์เลี้ยง

ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2568
อ้างอิงจากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา เวลา 06.00 น. ถึง 06.00 น. ของวันถัดไป