ความต้องการพลังงานแสงอาทิตย์พุ่งสูงในไนจีเรีย Arnergy ระดมทุน 18 ล้านดอลลาร์เพื่อขยายตลาด
วันที่โพสต์: 14 เมษายน 2568 19:46:11 การดู 1 ครั้ง ผู้โพสต์ baikhao
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ความต้องการพลังงานแสงอาทิตย์ในไนจีเรียพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความไม่เสถียรของระบบไฟฟ้าของประเทศและการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ทำให้บริษัท Arnergy ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยล่าสุดบริษัทได้ระดมทุนในรอบ Series B extension จำนวน 18 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ระดมทุนในรอบ B1 ได้ 3 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
การเพิ่มขึ้นของความต้องการพลังงานแสงอาทิตย์นั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญๆ โดยเฉพาะการยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันของไนจีเรียในเดือนพฤษภาคม 2023 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่มีการถกเถียงกันมานาน โดยรัฐบาลได้ยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมันที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเกือบ 500% และทำให้การใช้เครื่องปั่นไฟซึ่งเคยเป็นทางเลือกที่ถูกกว่าระบบไฟฟ้าที่ไม่เสถียรและพลังงานแสงอาทิตย์ กลับกลายเป็นทางเลือกที่มีต้นทุนสูงขึ้น
Femi Adeyemo ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Arnergy กล่าวว่า “เมื่อเราเริ่มธุรกิจนี้ เรานำเสนอพลังงานแสงอาทิตย์เป็นวิธีการให้พลังงานที่ไม่หยุดนิ่ง แต่ตอนนี้เราเน้นที่การประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเราสามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระบบของเราจะช่วยประหยัดเงินได้อย่างไรไม่ว่าจะใช้พลังงานจากน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน หรือแม้กระทั่งระบบไฟฟ้า”
Arnergy ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 เพื่อติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับบ้านและธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การโรงแรม การศึกษา การเงิน เกษตรกรรม และการดูแลสุขภาพ ซึ่งในตอนแรกนั้นพลังงานแสงอาทิตย์ถือเป็นทางเลือกที่สามารถเพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน แต่ตอนนี้ Arnergy เน้นไปที่การประหยัดต้นทุนจนทำให้การนำพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ในธุรกิจเป็นทางเลือกที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยกระตุ้นการนำไปใช้มากขึ้นคือผลิตภัณฑ์ "Z Lite" ที่บริษัทได้เสนอให้ลูกค้าสามารถเช่าซื้อและเป็นเจ้าของระบบได้ภายในระยะเวลา 5 ถึง 10 ปี ซึ่งหลังจากรอบ Series B แรกในปีที่แล้ว การเช่าซื้อกลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ โดยการชำระเงินรายเดือนลดลงเมื่อเทียบกับการใช้เครื่องปั่นไฟหรือค่าไฟฟ้า ทำให้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นทางเลือกที่ประหยัดมากขึ้น
Adeyemo กล่าวว่า “การจ่ายเงินเดือนละ 200,000 Naira ($125) สำหรับค่าไฟฟ้า ถ้าใช้ระบบของเราจะลดลงเหลือ 96,000 Naira ($60) และในระยะเวลา 5 ปี จะช่วยประหยัดได้อย่างมหาศาล” เขายังกล่าวว่า ลูกค้าหลายรายที่เคยใช้บริการอยู่แล้วกำลังกลับมาขยายระบบหรือเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์เต็มรูปแบบ
ตั้งแต่ปี 2023 ถึง 2024 บริษัทได้ขยายฐานลูกค้าสำหรับการเช่าซื้อเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 4-5 เท่าในปีนี้ ในขณะเดียวกันรายได้จาก Naira ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าภายในปีนี้ แต่ในแง่ของรายได้ดอลลาร์ยังคงคงที่เนื่องจากการลดค่าของสกุลเงินไนจีเรีย อย่างไรก็ตาม Adeyemo มั่นใจว่าการขยายธุรกิจไปยังแอฟริกาฝรั่งเศสและการสร้างรายได้จาก FX ผ่านความร่วมมือ B2B2C จะช่วยเสริมสร้างรายได้ในอนาคต
Arnergy ได้ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ไปแล้วกว่า 1,800 ระบบใน 35 รัฐของไนจีเรีย รวมพลังงาน 9 เมกะวัตต์ และแบตเตอรี่ 23 เมกะวัตต์ชั่วโมง และบริษัทตั้งเป้าจะติดตั้งระบบเพิ่มอีก 12,000 ระบบภายในปี 2029 ด้วยเงินทุนจาก CardinalStone Capital Advisers (CCA) รวมถึง Breakthrough Energy Ventures, British International Investment, Norfund, EDFI MC และ All On ที่เข้าร่วมในรอบระดมทุน
ในการขยายธุรกิจ Arnergy จะเปลี่ยนจากการขายแบบตรงไปยังการสร้างพันธมิตรกับลูกค้าองค์กรและร้านค้าปลีกภายนอกลากอสเพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นในตลาดไนจีเรียที่ต้องการพลังงานทดแทน ขณะเดียวกัน บริษัทกำลังเจรจาเพื่อหาเงินกู้ในประเทศเพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ รวมถึงการให้บริการพลังงานในรูปแบบ Energy-as-a-Service (EaaS) สำหรับบริษัทข้ามชาติ
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของ Arnergy อาจถูกขัดขวางจากนโยบายของรัฐบาลไนจีเรีย ที่ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะห้ามการนำเข้าพาเนลแสงอาทิตย์เพื่อสนับสนุนการผลิตในประเทศ ซึ่ง Adeyemo สนับสนุนเป้าหมายนี้ แต่เตือนว่าการห้ามนำเข้าก่อนที่ประเทศจะมีความสามารถในการผลิตในประเทศอาจทำให้เกิดผลเสียต่ออุตสาหกรรมและผู้ที่พึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์ในตอนนี้
“เราเป็นผู้สนับสนุนการผลิตในประเทศ แต่เราต้องสร้างความสามารถก่อนที่จะปิดประตูการนำเข้า มิฉะนั้นเราจะทำลายอุตสาหกรรมและผู้คนที่ต้องพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์” Adeyemo กล่าว
ที่มา : techcrunch
แท็ก: พลังงานแสงอาทิตย์