Samsung ยกระดับมาตรฐานด้านการดูแลซอฟต์แวร์สมาร์ตโฟนอีกขั้น ด้วยการเปิดเผยรายละเอียดของ Galaxy S25 Enterprise Edition ที่มาพร้อมการสนับสนุนระบบปฏิบัติการ Android และแพตช์ความปลอดภัยในระยะยาวเหนือคู่แข่ง

หลังจากเปิดตัวซีรีส์ Galaxy S25 รุ่นปกติในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Samsung ได้เปิดตัวเวอร์ชัน Enterprise สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรในเดือนถัดมา โดยมีจุดเด่นที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนคือ ระยะเวลาการอัปเดตที่นานเป็นพิเศษ

จากข้อมูลบนเว็บไซต์ Samsung Knox ระบุว่า Galaxy S25 Enterprise Edition ซึ่งครอบคลุมทุกรุ่นในซีรีส์ ได้แก่ Galaxy S25, Galaxy S25+, และ Galaxy S25 Ultra จะได้รับอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android สูงสุดถึงเวอร์ชัน 23 ซึ่งมากกว่ารุ่นปกติที่ได้สูงสุดแค่ Android 22

นอกจากนี้ Samsung ยังให้คำมั่นว่าจะปล่อยอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยต่อเนื่องไปจนถึง เดือนมกราคม ปี 2032 หรืออีกกว่า 7 ปีนับจากนี้ กลายเป็นหนึ่งในโทรศัพท์ Android ที่มีการดูแลยาวนานที่สุดในตลาด เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความมั่นคงด้านไอที และต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยครั้ง

แม้จะเป็นรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับภาคธุรกิจ แต่ Galaxy S25 Enterprise Edition ยังคงมาพร้อมกับสเปกระดับเรือธงเช่นเดียวกับรุ่นปกติ โดยมีให้เลือกทั้งความจุ 128GB, 256GB และ 512GB พร้อม RAM ขนาด 12GB ครอบคลุมทุกรุ่นย่อยของซีรีส์

ราคาของแต่ละรุ่นมีดังนี้ (จากดีลในตลาดสหรัฐฯ):

  • Galaxy S25 รุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ ประมาณ $729.99

  • Galaxy S25+ เริ่มต้นที่ $849.99

  • Galaxy S25 Ultra เริ่มต้นที่ $999.99

การประกาศการสนับสนุนระยะยาวเช่นนี้ของ Samsung นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการแข่งขันด้านซอฟต์แวร์ในตลาดสมาร์ตโฟน โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งอย่าง Google และ Apple ต่างก็เน้นย้ำการอัปเดตที่ยาวนานมากขึ้นเช่นกัน

สำหรับผู้ใช้งานองค์กรที่กำลังมองหาอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจในระยะยาว การมาของ Galaxy S25 Enterprise Edition อาจเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามในปีนี้

ที่มา : gsmarena