ตลาดหุ้นทั่วโลกประสบภาวะตกต่ำอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ หลังจากรัฐบาลจีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 34% เพื่อโต้กลับมาตรการภาษีชุดใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อตลาดการเงินทั่วโลกและกระตุ้นความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในเวลาอันใกล้

บรรยากาศในตลาดการเงินตึงเครียดอย่างมาก ดัชนี Nasdaq ของสหรัฐเข้าสู่ภาวะตลาดหมี ขณะที่ Dow Jones และ S&P 500 ก็ร่วงลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดในรอบหลายปี ดัชนี Nasdaq ลดลงมากกว่า 10% จากจุดสูงสุดในเดือนธันวาคม ขณะที่ S&P 500 ปิดสัปดาห์ด้วยการลดลงถึง 9.08% ส่วนดัชนีหุ้นขนาดเล็กอย่าง Russell 2000 ก็ลดลงมากถึง 9.7% ทำให้บรรยากาศโดยรวมของนักลงทุนทั่วโลกเต็มไปด้วยความวิตกและความไม่แน่นอน

จีนไม่เพียงแต่ประกาศเพิ่มภาษี ยังดำเนินมาตรการเพิ่มเติม เช่น จำกัดการส่งออกแร่หายากที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี และประกาศขึ้นบัญชีดำ “องค์กรที่ไม่น่าเชื่อถือ” ซึ่งรวมถึงบริษัทสหรัฐ 11 แห่ง โดยระบุว่าบริษัทเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายอาวุธให้กับไต้หวัน ซึ่งจีนถือเป็นดินแดนของตน การดำเนินการเหล่านี้ของจีนส่งสัญญาณว่าความขัดแย้งระหว่างสองชาติเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกกำลังก้าวเข้าสู่จุดวิกฤต

ภายในสหรัฐ แม้ทำเนียบขาวจะพยายามลดความรุนแรงของสถานการณ์ โดยยืนยันว่านโยบายภาษีของทรัมป์จะสร้างผลดีระยะยาวต่อเศรษฐกิจ แต่เสียงคัดค้านภายในก็เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะจากนักการเมืองพรรครีพับลิกันด้วยกันเอง เช่น ส.ว.เท็ด ครูซ ซึ่งเตือนว่าภาษีเหล่านี้อาจกลายเป็น “ภาษีแฝง” สำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกัน และเสี่ยงต่อผลกระทบทางการเมืองในช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

ทรัมป์ยังคงรักษาจุดยืนเดิม โดยโพสต์ข้อความหลายครั้งบน Truth Social ว่าสหรัฐจะชนะในสงครามการค้า พร้อมเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐลดดอกเบี้ยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ประธาน Fed เจอโรม พาวเวล ยืนยันว่าการดำเนินนโยบายการเงินต้องอิงตามข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก พร้อมยอมรับว่าความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าได้ทำให้ภาคธุรกิจจำนวนมากชะลอการลงทุนและการตัดสินใจสำคัญ ๆ

ผลกระทบจากภาษีของสหรัฐเริ่มลุกลามไปยังประเทศอื่น แคนาดาซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญก็เริ่มเห็นการลดลงของการจ้างงาน ขณะที่ญี่ปุ่นระบุว่าสถานการณ์นี้คือ “วิกฤตระดับชาติ” เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารในโตเกียวดิ่งลงอย่างหนัก ด้านสหภาพยุโรปยังคงแตกแยกภายในเกี่ยวกับการตอบโต้ บางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เรียกร้องให้ระงับการลงทุนในสหรัฐ ขณะที่บางประเทศ เช่น อิตาลีและกลุ่มสแกนดิเนเวีย เลือกใช้ท่าทีประนีประนอมมากกว่า

แม้ตัวเลขจ้างงานในสหรัฐยังแข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานรายงานว่าจำนวนงานใหม่ในเดือนมีนาคมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นเพราะภาษีนำเข้า อาจทำให้ตลาดแรงงานชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี

ในอีกมุมหนึ่ง รัฐมนตรีคลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ ให้สัมภาษณ์ว่า ความปั่นป่วนในตลาดอาจไม่ได้เกิดจากนโยบายภาษีเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับผลกระทบจากการเปิดตัวเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ “DeepSeek” จากจีน ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาคเทคโนโลยีของสหรัฐอย่างไม่คาดคิด

ในขณะที่วิกฤตกำลังขยายวงกว้าง ทรัมป์ยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่สนามกอล์ฟในฟลอริดา และไม่มีแผนปรากฏตัวต่อสื่อมวลชนในช่วงบ่าย ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความจริงจังในการจัดการสถานการณ์ที่อ่อนไหวระดับโลกครั้งนี้

ขณะที่เรือบรรทุกสินค้าที่ออกเดินทางจากจีนไปยังสหรัฐก่อนวันที่มาตรการภาษีใหม่มีผล ยังได้รับการยกเว้นภาษีจนถึงวันที่ 27 พฤษภาคม แต่หลังจากนั้น สินค้าทุกชนิดจะต้องถูกเก็บภาษีในอัตราใหม่ทั้งหมด ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากรีบเร่งจัดส่งสินค้าในช่วงเวลาที่เหลืออยู่

การเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจครั้งนี้ไม่มีทีท่าจะยุติลงง่าย ๆ และดูเหมือนทั้งสองประเทศต่างเตรียมพร้อมจะเดินเกมต่อในระยะยาว ขณะที่ทั่วโลกยังต้องจับตาผลกระทบที่อาจขยายไปสู่ภาคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี เกษตรกรรม หรือแม้แต่ความมั่นคงทางการเมืองในประเทศต่าง ๆ ที่ต้องพึ่งพาการค้าโลกอย่างใกล้ชิด

ที่มา : reuters