จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 2568 กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจ โดยนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบเพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

กรมบัญชีกลางได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ 76 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นจำนวน 200 ล้านบาท โดยอยู่ภายใต้การบริหารของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เงินก้อนนี้จะถูกนำไปใช้สำหรับการช่วยเหลือด้านการดำรงชีพและสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการในพื้นที่ภัยพิบัติ

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านการเงินให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐได้ออกมาตรการช่วยเหลือ ดังนี้:

  • ธนาคารออมสิน พักชำระเงินต้นและลดดอกเบี้ยเหลือ 0% สูงสุด 3 เดือน สำหรับสินเชื่อบ้าน สินเชื่อประชาชน และสินเชื่อ SMEs พร้อมเสนอสินเชื่อฉุกเฉินวงเงินสูงสุด 20,000 บาท โดยไม่คิดดอกเบี้ยในช่วง 3 เดือนแรก
  • ธ.ก.ส. ออกสินเชื่อฉุกเฉินวงเงินสูงสุด 50,000 บาท พร้อมปลอดดอกเบี้ย 6 เดือน และโครงการฟื้นฟูคุณภาพชีวิต วงเงินสูงสุด 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ
  • ธอส. เสนอสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมหรือสร้างบ้านใหม่ วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
  • SME D Bank ให้ลูกค้าพักชำระหนี้สูงสุด 12 เดือน พร้อมปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินวงเงินสูงสุด 200,000 บาท
  • ไอแบงก์ สนับสนุนสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมบ้านหรือฟื้นฟูกิจการ วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 1.99% ในปีแรก
  • EXIM Bank ขยายมาตรการช่วยเหลือธุรกิจส่งออกและนำเข้า ทั้งเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการพักชำระหนี้
  • บสย. ให้การสนับสนุนการพักชำระค่าธรรมเนียมและค่างวดสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมประสานบริษัทประกันภัยให้เร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ประชาชน และเปิดสายด่วน 1186 เพื่อให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินให้พิจารณาปรับลดอัตราผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินและปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า "รัฐบาลไทยมีความพร้อมในการบริหารสถานการณ์ และจะดำเนินมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมตามความจำเป็น เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับแผนการช่วยเหลือให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในระยะต่อไป"