ข้าวไทยยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดโลก พร้อมความร่วมมือใหม่ในแอฟริกาใต้

ข้าวไทยได้รับการยอมรับในตลาดโลกมาตลอดหลายปี โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยที่มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้ข้าวไทยเป็นที่ต้องการในหลายตลาดทั่วโลก ทั้งในเอเชีย, ตะวันออกกลาง, และแอฟริกา โดยที่การส่งออกข้าวไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแข่งขันจากผู้ผลิตข้าวในประเทศอื่นๆ ก็ตาม

จากการที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก การรักษาความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของข้าวไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดข้าวไทยให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 นายวรวงศ์ รามางกูร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัทผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของแอฟริกาใต้ เพื่อหารือแนวทางการยกระดับการค้าข้าวไทยในตลาดแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ในโอกาสนี้ นายวรวงศ์ยังเป็นประธานในการเปิดงาน Thailand Ultimate Friendship ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญจำนวน 3 กิจกรรม ได้แก่ การลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การซื้อขายข้าวระหว่างผู้ส่งออกข้าวไทยและผู้นำเข้าข้าวแอฟริกาใต้, การมอบรางวัล Thailand Ultimate Friendship ให้แก่ผู้นำเข้าข้าวในแอฟริกาใต้, และการมอบเกียรติบัตร Thai SELECT เพื่อส่งเสริมข้าวไทยในตลาดโลก

การลงนามใน MOU ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขยายตลาดข้าวไทยไปยังแอฟริกาใต้ โดยคาดว่าในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน 2568 จะมีการส่งมอบข้าวจากไทยประมาณ 1 ล้านตัน ซึ่งเป็นการขยายตัวของปริมาณการส่งออกข้าวไทยในปี 2568 ให้ถึงเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตัน

การลงนามใน MOU ยังช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อขายข้าวจากแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นอีก 9,000 ตัน รวมเป็น 400,000 ตัน ซึ่งจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยประมาณ 7,300 ล้านบาท หรือ 204.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยแสดงให้เห็นถึงความต้องการข้าวไทยที่ยังคงมีอยู่ในตลาดแอฟริกาใต้

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้กล่าวเสริมว่า แม้ว่าสถานการณ์การค้าข้าวในปี 2567 จะมีความผันผวน แต่การจัดงานในวันนี้ถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับผู้นำเข้าข้าวไทยในแอฟริกาใต้ ซึ่งยังคงเป็นตลาดสำคัญที่มีความต้องการข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าต่างประเทศยังมีแผนที่จะจัดงาน Thailand Rice Convention (TRC 2025) ในช่วงระหว่างวันที่ 25-27 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการพบปะและเจรจาการค้าข้าวระหว่างผู้ส่งออกข้าวไทยและผู้นำเข้าจากทั่วโลก และมีกำหนดการนำคณะผู้ส่งออกข้าวไทยไปประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และจีนในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน 2568 เพื่อส่งเสริมการส่งออกข้าวไทยไปต่างประเทศ

การจัดงาน Thailand Ultimate Friendship ยังมีกิจกรรมพิเศษมอบรางวัลให้กับผู้นำเข้าข้าวไทยที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าระยะยาวกว่า 10 ปี โดยในครั้งนี้มีบริษัทซื้อขายข้าวเข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงบริษัทไทยแกรนลักซ์จัมโบ้พรีแพคเกอร์สอินเตอร์เนชั่นแนลไรซ์ จำกัด, เอเซีย โกลเด้น ไรซ์ จำกัด, ไทยหัว (2511) จำกัด, และเจเนอรัล มิลส์ จำกัด

การลงนามใน MOU และการจัดงานต่างๆ นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาดข้าวไทยและสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการส่งออกข้าวไปยังตลาดแอฟริกาใต้และทั่วโลก