ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายมิจฉาชีพออนไลน์ รวบผู้ต้องหาหลายรายทั่วประเทศ

ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายมิจฉาชีพออนไลน์และเว็บพนันผิดกฎหมาย จับกุมผู้ต้องหาหลายรายถึงบ้านพัก สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมทีมงานตำรวจไซเบอร์จากหลากหลายหน่วยงาน ร่วมกันแถลงผลการจับกุม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. เมืองทองธานี

สืบเนื่องจากการกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ที่สร้างความเสียหายให้ประชาชนเป็นจำนวนมาก ตำรวจไซเบอร์ได้ออกปฏิบัติการบุกค้นเป้าหมายสำคัญ 8 จุดทั่วประเทศ โดยในจุดแรกเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาหญิงวัย 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีหลอกลงทุนผ่านแพลตฟอร์มปลอม อ้างเป็นโครงการของ King Power จนมีผู้เสียหายสูญเงินกว่า 4 แสนบาท ขณะที่จุดที่สองสามารถรวบตัวผู้ต้องหาวัย 29 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงผ่านแพลตฟอร์มลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลปลอม หลอกเหยื่อโอนเงินรวมกว่า 1.5 ล้านบาท

ปฏิบัติการยังขยายผลไปยังเครือข่ายที่ใช้วิธีตีสนิทเหยื่อผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ก่อนหลอกให้ลงทุนออนไลน์ มีเหยื่อตกเป็นเหยื่อสูญเงินกว่า 6 แสนบาท รวมถึงกรณีผู้ต้องหาวัย 30 ปี ที่มีพฤติกรรมสนับสนุนเครือข่ายมิจฉาชีพในการเปิดบัญชีธนาคารให้แก๊งหลอกลวงออนไลน์ นำไปใช้ก่อเหตุจนมีผู้เสียหายโอนเงินออกจากบัญชีโดยไม่รู้ตัวกว่า 4 หมื่นบาท

เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ใช้ TikTok เป็นช่องทางล่อลวงเหยื่อ หลอกให้ลงทุนในตลาดเงินดิจิทัล โดยใช้กลยุทธ์ให้ถอนเงินครั้งแรกได้ ก่อนจะให้ลงทุนเพิ่มและปิดบัญชีหนี ทำให้ผู้เสียหายสูญเงินไปกว่าล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกรณีหญิงสาววัย 21 ปี ที่ใช้เพจรับสมัครงานปลอม ลวงเหยื่อให้โอนเงินสำรองก่อนปิดเพจหนี สร้างความเสียหายรวมกว่า 1 แสนบาท

อีกหนึ่งคดีที่น่าจับตามองคือเครือข่ายแอบอ้างเป็นธนาคาร โทรศัพท์ไปข่มขู่เหยื่อว่ามีหนี้ค้างชำระ และนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางผิดกฎหมาย ก่อนจะล่อให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ สุดท้ายถูกโกงเงินไปกว่า 1.8 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถรวบตัวผู้ต้องหาได้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ยังคงเดินหน้ากวาดล้างเครือข่ายมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์ ไม่หลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง และหากพบพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและลดความสูญเสียในอนาคต