Google เปิดตัว Android 16 Beta 3 อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่เรียกว่า Platform Stability หมายความว่า API และพฤติกรรมของระบบได้ถูกปรับให้มีเสถียรภาพสำหรับนักพัฒนาแล้ว หลังจากนี้ Google จะปล่อยอัปเดต Beta เพิ่มอีกหนึ่งครั้งในเดือนเมษายน โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงเสถียรภาพของระบบ ก่อนที่เวอร์ชันสมบูรณ์ของ Android 16 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับสมาร์ทโฟน Pixel และอุปกรณ์ที่รองรับภายในไตรมาสที่สองของปี หรือไม่เกินเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ Google ยังเปิดเผยว่ามีแผนเปิดตัว Android รุ่นย่อยอีกหนึ่งเวอร์ชันในไตรมาสที่สี่ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการอัปเดต Android ครั้งสำคัญ เพราะก่อนหน้านี้มักจะมีเพียงหนึ่งเวอร์ชันหลักต่อปี แต่การเปิดตัวรุ่นย่อยเพิ่มเติมอาจหมายถึงแนวทางใหม่ของ Google ในการพัฒนาและส่งมอบฟีเจอร์ให้เร็วขึ้น

ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Android 16 Beta 3 มีหลายอย่างที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือการรองรับ Auracast สำหรับอุปกรณ์เสียง LE Audio ทำให้สามารถสตรีมเสียงไปยังอุปกรณ์ที่รองรับ เช่น เครื่องช่วยฟัง LE Audio หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ หรือแม้แต่ลำโพงที่รองรับเทคโนโลยีนี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์เสียงจากอุปกรณ์ของตนไปยังอุปกรณ์ใกล้เคียงได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงประสบการณ์การอ่านสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านสายตา โดยเปลี่ยนจากฟีเจอร์ High Contrast Text เป็น Outline Text ระบบจะเพิ่มขอบรอบตัวอักษรเพื่อให้มองเห็นได้ง่ายขึ้นบนพื้นหลังสีต่างๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาเลือนรางหรือไวต่อแสง

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาแต่ยังอยู่ในช่วงทดลองคือ Local Network Protection ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายภายในของแอปต่างๆ ได้ โดยลดความเสี่ยงของแอปที่อาจพยายามสแกนอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในระยะทดลอง และคาดว่าจะถูกเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในเวอร์ชันอนาคตของ Android

Google ยังได้ทำการปรับปรุง Adaptive Battery ให้ฉลาดขึ้น ลดการทำงานของแอปที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ รวมถึงปรับปรุง Doze Mode ให้เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานได้เร็วขึ้น

สำหรับการทำงานร่วมกับ AI และ Gemini มีการรวม Google Gemini AI ไว้ลึกขึ้นในระบบ เช่น การช่วยพิมพ์ข้อความอัตโนมัติ การสรุปเนื้อหา และการแนะนำการตั้งค่าตามพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า Google Assistant แบบเดิมอาจถูกแทนที่ด้วย Gemini ในเวอร์ชันเต็มของ Android 16

การเล่นเกมและประสิทธิภาพของกราฟิกก็ได้รับการปรับปรุง โดยมีการเพิ่ม API ใหม่สำหรับนักพัฒนาเกม ให้สามารถเข้าถึงพลังของ GPU ได้ดีขึ้น ลดความหน่วงในการแสดงผล และเพิ่มความเสถียรของอัตราเฟรมเรตให้ราบรื่นขึ้น

Google ยังยืนยันว่ากำลังร่วมมือกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายรายเพื่อให้ Android 16 สามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากขึ้น ซึ่งนอกจาก Pixel แล้ว คาดว่าแบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung, OnePlus, Xiaomi, OPPO และ Vivo จะเริ่มนำ Android 16 ไปทดสอบบนอุปกรณ์ของตนเองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะ Samsung ที่มักจะนำเวอร์ชันใหม่ไปปรับแต่งเป็น One UI เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งอาจเริ่มปล่อย Beta ให้กับอุปกรณ์เรือธงในช่วงกลางปี

ตามไทม์ไลน์ที่ Google วางไว้ Android 16 Beta 3 เปิดตัวในเดือนมีนาคม และจะมี Beta 4 ตามมาในเดือนเมษายน ก่อนที่เวอร์ชันเต็มจะเปิดตัวในเดือนมิถุนายน ส่วน Android รุ่นย่อยที่อาจเป็น Android 16.1 คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี

Android 16 Beta 3 ถือเป็นก้าวสำคัญก่อนเวอร์ชันสมบูรณ์ มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น ฉลาดขึ้น และปลอดภัยขึ้น ทั้งการรองรับ Auracast AI การป้องกันเครือข่าย และการจัดการพลังงาน Google ยืนยันว่า Android 16 จะถูกนำไปใช้บนอุปกรณ์ต่างๆ อย่างกว้างขวางมากขึ้น และนี่อาจเป็นเวอร์ชันที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา